9 ประติมากรรมทรงพลัง ที่ซ่อนความหมายลึกซึ้งเอาไว้ได้อย่างแยบยล

รูปหล่อหรือประติมากรรมนับเป็นผลงานศิลปะที่สื่อสารให้คนเราได้สัมผัสกับรูปร่างแบบสามมิติได้เป็นอย่างดี เราสามารถพบเห็นงานประติมากรรมมากมายทั่วโลกตั้งแต่ยุคโบราณที่แสดงความนับถือต่อเทพเจ้าหรือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จนถึงยุคปัจจุบันที่ผลงานเริ่มมีความหลากหลายในด้านความคิดและสื่อถึงความหมายที่แตกต่างออกไป วันนี้เพชรมายาขอนำเสนอ 9 ประติมากรรมทั่วโลกที่บอกเล่าเรื่องราวและให้ข้อคิดในยุคสมัยใหม่

1. Knife Angel โดย อัลฟี่ แบรดลี่ย์ ที่ชักชวนผู้คนให้หยุดใช้ความรุนแรง

ผลงานชิ้นเยี่ยมนำเสนอประติมากรรมรูปนางฟ้าขนาด 8 เมตรที่สร้างจากมีดของบรรดาอาชญากรที่ยอมทิ้งอาวุธของตัวเองลงใน “ถังขยะมีด” เพื่อหยุดการทำอาชญากรรมอีกต่อไป ซึ่งรวบรวมโดยตำรวจในประเทศอังกฤษ แนวคิดการสร้างโดยกลุ่มนางฟ้ามีดที่เดินทางไปทั่วอังกฤษเพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนในปัญหาของการใช้ของมีคมและความอันตรายจากอาวุธ

2. The Passer-Through-Walls โดย ฌอน มาเครส ฉากสุดท้ายของนวนิยายชื่อดังของฝรั่งเศส

Le Passe-Muraille เป็นนิยายฝรั่งเศสชื่อดังโดย มาร์เซล เอย์เม ที่บอกเล่าเรื่องราวของพนักงานบริษัทสมัยใหม่ที่ค้นพบว่าตัวเองมีพลังวิเศษที่สามารถเดินทะลุกำแพงได้ แต่เขากลับใช้พลังในการเป็นโจร วันหนึ่งเขาหลบหนีออกจากคุกแต่พลังของเขาหายไประหว่างที่เขากำลังเดินทะลุกำแพงทำให้เขาติดในกำแพงตลอดไป

3. Building Bridges โดย ลอเรนโซ ควินน์ แบ่งปันสูตรสำเร็จเพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น

ศิลปินชาวอิตาลีได้สร้างผลงานที่สื่อถึงส่วนผสมที่ทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้นก็คือมิตรภาพ ปัญญา ช่วยเหลือ ศรัทธา ความหวังและความรัก โดยประติมากรรมสื่อออกมาเป็นรูปมือทั้ง 6 ที่ผสานกันเป็นสะพานเชื่อมต่อกัน

4. Corporate Head โดย เทอร์รี่ อัลเลน บอกเล่าเรื่องราวในความอันตรายจากการทำงานเพื่อหวังผลกำไร

ประติมากรรมขนาดเท่าคนจริงโดยมีหัวอยู่ในกำแพงที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสื่อความหมายถึงนักธุรกิจที่แสวงหาผลกำไรให้ตัวเองและบริษัท โดยที่ตัวเขาอยู่นอกสำนักงานแค่ร่างกายเท่านั้นแต่ส่วนหัวถูกสำนักงานดูดซับเอาไว้ไม่ปล่อย

5. Sphere Within a Sphere โดย อานัลโด ปอมโมโดโร่ ย้ำเตือนเราถึงโลกที่เปราะบาง

ประติมากรรมที่สวยงามและน่าอัศจรรย์นำเสนอโครงสร้างที่ซับซ้อนและมากด้วยรายละเอียดด้านใน สื่อถึงทุกสิ่งในจักรวาลต่างเชื่อมโยงกัน และโลกเราช่างเปราะบางเหลือเกินและง่ายมากที่จะแตกออกเป็นชิ้น

6. The Man Who Measures the Clouds โดย แยน ฟาร์บ บอกเล่าถึงการดิ้นรนเพื่อวัดค่าสิ่งที่ไม่อาจวัดได้

ผลงานที่ไม่เหมือนใครมีขนาด 9 เมตรโดยนำเสนอชายที่พยายามวัดก้อนเมฆด้วยไม้บรรทัด โดยสื่อถึงคนที่พยายามในการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังที่เราไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองในฐานะมนุษยชาติ หรือที่ปรัชญาโบราณบอกไว้ว่ามนุษย์เป็นตัวชี้วัดทุกสิ่ง

7. Inertia and The Bankers โดย เจสัน เดอไซเยส เทย์เลอร์ สื่อถึงปัญหาทางสังคมและเรียกร้องความรับผิดชอบของเรา

ผลงานประติมากรรมใต้น้ำสร้างหลายชิ้นโดยเผยให้ถึงปัญหาทางสังคมสมัยใหม่ที่ยึดติดในด้านวัตถุและได้รับอิทธิพลจากสื่อมากเกินไป

ผลงานชั้นเยี่ยมชุดนี้ยังทำหน้าที่เป็นบ้านให้กับปะการังและสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่เสี่ยงที่จะสูญพันธ์ในหลายพื้นที่บนโลก ศิลปินพยายามสื่อถึงการปกป้องโลกของเราและใส่ใจกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

8. Absorbed by Light โดย กาลี ลูคัส และ แคโลลีน ไฮนซ์ ที่บอกเราในเรื่องการหลงใหลในอุปกรณ์และเทคโนโลยีมากเกินไป

ประติมากรรมรูปคน 3 คนนั่งบนม้านั่ง โดยทั้งหมดต่างจ้องมองไปที่สมาร์ทโฟนจนไม่ใส่ใจกันและกัน ผลงานนำเสนอถึงการที่เราใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และหลุดการเชื่อมต่อจากชีวิตจริง

9. The Miraculous Journey โดย เดเมียน เฮิร์ส แสดงถึงช่วงเวลาการเติบโตของเด็กทารกในครรภ์

ประติมากรรมอันน่าอัศจรรย์ชิ้นนี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์การแพทย์และวิจัยในโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งประกอบด้วยประติมากรรม 14 ชิ้นโดยนำเสนอช่วงเวลาของการเติบโตของเด็กทารกในครรภ์มารดาจนถึงวันที่กำเนิด สื่อถึงการเดินทางที่กล้าหาญที่สุดในชีวิตคนเรา ผลงานเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในหมู่ผู้รับชมชาวตะวันออกจนโดนคลุมผลงานในบางครั้ง

ในไทยเรามีผลงานศิลปะหลายชิ้นที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้งบ้างไหมนะ? บอกให้เราได้รู้ถ้าคุณพบผลงานที่น่าสนใจในประเทศไทยของเรา

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ