ถึงแม้โลกเราจะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมากมายกว่าในอดีตที่ผ่านมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเราได้ วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านมาชมเรื่องต่างๆ ที่คุณอาจเคยสงสัย และวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างกับคุณได้สักที
1. แมวครางฟี้ (Purr) ได้อย่างไร ?
คำนี้ภาษาไทยอาจเรียกว่า เสียงฟี้ และภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Purr ซึ่งทาสแมวคงทราบกันดีว่ามันคือเสียงคราง ที่เหมือนกับมีเครื่องจักรเล็กๆ กำลังทำงานในตัวมัน โดยเกิดขึ้นในเวลาที่พวกมันกำลังมีความสุข และคุณจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของมันเต้นด้วยซ้ำไปเวลาที่มันครางฟี้อยู่
ส่วนกลไกการให้กำเนิดเสียงฟี้ของแมวในทางวิทยาศาสตร์ถือว่ายังไม่ชัดเจนนัก หนึ่งสมมุติฐานที่ได้รับการยอมรับคือ แมวสร้างเสียงฟี้ โดยใช้เสียงประสาน หรือกล้ามเนื้อของกล่องเสียงที่ขยายและหดตัวอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของอากาศในระหว่างการสูดหายใจเข้าออก
2. สิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์ มาจากไหน ?
มีสัตว์มากมายหลายสายพันธุ์ที่ไม่มีบรรพบุรุษ! ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่า วิวัฒนาการของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมาจากปลา และวิวัฒนาการต่อมาเป็นสัตว์บกที่มีแขนและขา รวมไปถึงไดโนเสาร์ที่หลายคนเชื่อว่ามันสูญพันธ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน เป็นเวลาเดียวกับที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลากหลายสายพันธ์ ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทราบที่มา
3. วัวมีเข็มทิศ ?
นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ภาพถ่ายจาก Google Earth ศึกษาการเคลื่อนที่ของฝูงวัวนับพันภาพ และพบรูปแบบการเคลื่อนที่แปลกๆ เพราะ วัวกว่า 70 % หันหัวไปทางทิศเหนือหรือใต้ในขณะที่กินหญ้าหรือดื่มน้ำ ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาค ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นภูมิประเทศแบบไหน สภาพอากาศเป็นอย่างไร หรือจะมีปัจจัยอื่นๆ อีกก็ตาม
4. ฝนวุ้น คืออะไร ?
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นในเมืองโอควิลล์ ในรัฐวอชิงตัน เมื่อเดือนสิงหาคมปี 1994 เมื่อจู่ๆ วัตถุคล้ายกับวุ้นใสจำนวนมากได้ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับฝนตก ในวันถัดมา ผู้คนหลายสิบคนได้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์วัตถุดังกล่าวและพบว่า มันประกอบด้วยแบคทีเรีย 2 ชนิด หนึ่งในนั้นคือแบคทีเรียที่พบในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ทั่วไป และพวกเขาก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างแบคทีเรียและโรคระบาดลึกลับที่เกิดขึ้น
5. สสารมืด คืออะไร ?
ประมาณ 27% ของจักรวาลเป็นสสารมืด มันคือสสารในจักรวาลที่เรามองไม่เห็น แต่รู้ว่ามีอยู่ เพราะอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงของมันต่อสสารปกติในกาแล็กซี่ ซึ่งมันไม่ส่องแสงหรือตอบสนองต่อรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ และเป็นเพียงสมมุติฐานทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยาเท่านั้น
6. มีดาวเคราะห์กี่ดวงในระบบสุริยะจักรวาล ?
ตั้งแต่ดาวพลูโตไม่ถูกนับเป็นเดาวเคราะห์ จนถึงตอนนี้มนุษย์เราก็เชื่อว่า มีดาวเคราะห์เพียงแค่ 8 ดวงในระบบสุริยะจักรวาลเท่านั้น ในแถบไคเปอร์ที่อยู่ห่างจากดาวพลูโตออกไปประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็นน้ำแข็งมากมาย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า มีวัตถุนับพันในพื้นที่นั้น ที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพลูโต
นอกจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ยังสังเกตุช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างแถบไคเปอร์ว่า มีดาวเคราะห์ที่เราไม่รู้จักที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับโลก ดึงดูดหินจากแถบไคเปอร์มาโคจรรอบตัวมันเอง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสรุปได้ว่า ระบบสุริยะจักรวาลของเรา มีดาวเคราะห์กี่ดวงกันแน่
7. ทำไมถึงมีคนถนัดขวา และคนถนัดซ้าย ?
มนุษย์ส่วนใหญ่ถนัดขวาราว 70-95% และส่วนน้อยที่ถนัดซ้ายราว 5-30% และมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่วัดไม่ได้ที่ถนัดทั้งสองมือ ยีนที่มีอิทธิพล แต่ “ยีนคนถนัดซ้าย” ไม่สามารถระบุได้ สภาพแวดล้อมก็อิทธิพลเช่นกัน เมื่อเด็กถนัดซ้ายถูกบังคับให้เขียนนังสือด้วยมือขวา เด็กมือซ้ายบางคนจะกลายเป็นคนถนัดขวาไป
8. ทำไม ‘เมกาฟอนา’ ถึงสูญพันธุ์ ?
เมกาฟอนา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ตระกูลจิงโจ้ ที่อาศัยอยู่บนทวีปออสเตรเลีย ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน บางคนเชื่อว่าเป็นเพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลักฐานที่พิสูจน์ได้แน่ชัด ส่วนทฤษฎีอื่นๆ ก็ว่าด้วยเรื่องของความอดอยาก แต่ในอลาสกา นักวิทยาศาสตร์เคยพบแมมมอธที่ตายไปโดยที่ยังมีอาหารที่ยังไม่ได้ย่อยอยู่เต็มท้องก็มี
9. ทำไมเราถึงฝัน ?
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าความฝันคือการสุ่มภาพที่เกิดจากคลื่นสมอง ส่วนบางคนเชื่อว่ามันเกิดจากจิตใต้สำนึก ปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก และประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่จากการศึกษาความฝันที่เรียกว่า Oneirology นักวิทยาศาสตร์อ้างว่า ความฝันถูกสร้างขึ้นจากบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครสรุปได้จริงๆ ว่าความฝันเกิดจากอะไรกันแน่
10. เสียงคำรามในอวกาศคืออะไร ?
ในขณะที่ศึกษาดวงดาวอายุน้อยในปี 2006 จู่ๆ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ยินเสียงคำรามลึกลับในอวกาศ ถึงแม้ว่าเสียงจะไม่สามารถเดินทางในอวกาศได้ แต่คลื่นวิทยุสามารถเดินทางได้ แล้วเสียงเหล่านี้มาจากไหนล่ะ ? นักวิทยาศาสตร์รู้แต่เพียงว่า คลื่นดังกล่าวไม่ได้เป็นของดวงดาว หรือปรากฏการณ์ทางจักรวาลที่เรารู้จักกัน
11. ทำไมเราถึงมีกรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกัน ?
กรุ๊ปเลือดมีแอนติเจนที่แตกต่างกันในเซลล์เม็ดเลือด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทราบคำตอบว่า ทำไมพวกมันถึงแตกต่างกัน มีทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อว่า พวกมันมีความเกี่ยวข้องกับโรคและภูมคุ้มกันของร่างกาย อย่างเช่น ผู้คนกรุ๊ปเลือด B จะอ่อนไหวง่ายต่อเชื้ออีโคไล และผู้คนที่มีเลือดกรุ๊ป O ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียน้อยกว่ากรุ๊ปอื่นๆ
ชื่นชอบเรื่องราวน่าสนใจ กดติดตามได้ที่นี่ แต่ถ้ามีติ๊กถูก แสดงกว่ากดแล้วจ้า
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา