การแพทย์ ถือเป็นวิชาแขนงหนึ่งซึ่งมีความสำคัญต่อมนุษยชาติอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่เสมอไป เพราะในอดีตที่ผ่านมา กลับมีวิชาการแพทย์ที่แปลกๆ ที่คุณอ่านดูแล้ว จะแทบไม่เชื่อเลยว่า เคยเกิดการรักษาแบบนี้ขึ้นบนโลกใบนี้ดวย
1. การเจาะให้เลือดออก
ความเชื่อแบบผิดๆ ที่แพทย์สมัยก่อนเชื่อว่า อาการเจ็บป่วยบางครั้งเกิดจากความไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย ดังนั้น การเจาะเอาเลือดออกมา จะช่วยเรียกคืนความสมดุลกลับมาได้ นอกจากนั้นการเจาะเลือดทิ้ง ยังคงถูกนำมาใช้รักษาโรคระบาด โรคลมชักจากไข้ทรพิษอีกด้วย
2. โคเคน
ในอดีต โคเคนถูกเริ่มใช้เป็นยาแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์ และใช้สำหรับรักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไป แต่ภายหลังแพทย์เริ่มระลึกได้ว่า คนไข้เริ่มเสพติดมันจริงจัง จนกระทั่งมันถูกห้ามใช้ไปในที่สุด
3. ฉี่บำบัด
ไม่น่าเชื่อว่า ในอดีตจะมีแพทย์ที่ใช้วิธีการดื่มฉี่ กับการนวดฉี่ให้ซึมเข้าสู่ผิวหนัง เพื่อทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โชคดีที่คนในปัจจุบันนี้รู้ว่า มันไม่มีทางได้ผลแน่นอน
4. คลอโรฟอร์ม
คลอโรฟอร์ม เดิมที่ถูกใช้เป็นยาชา โดยถูกพัฒนาครั้งแรกในปี 1831 ก่อนที่จะถูกนำมาใช้เป็นยาสลบในการผ่าตัด ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพราะมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่เกิดสภาวะแทรกซ้อน และเสียชีวิตเพราะเจ้าคลอโรฟอร์ม
5. เฮโรอีน
เริ่มต้นเดิมที เฮโรอีน ถูกใช้เป็นยาแก้ไอ ที่จัดจำหน่ายโดยบริษัท Bayer Corporation แถมมันยังถูกนำมาใช้รักษาอาการป่วยทุกชนิดที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ แต่พอหลายๆ คนได้รู้พิษสงของเฮโรอีน มันก็ถูกห้ามจำหน่ายอีกต่อไป
6. สารหนู
ถึงแม้สารหนูจะเป็นสารพิษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนโบราณจะนำมันไปใช้ทางการแพทย์ได้ ซึ่งมันถูกนำไปใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น และที่สำคัญ มันยังเคยถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางอีกด้วย
7. การอาเจียน
ตามความเชื่อแบบชาวบ้านดั้งเดิม คนป่วยที่คาดว่าได้รับสารพิษหรือสารอันตรายที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย พวกเขาจะทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยวิธีต่างๆ เพื่อขับสารนั้นออกมา แต่หลายครั้งกลับพบว่า มันเป็นการฆ่าผู้ป่วยก่อนที่จะทำให้พวกเขาดีขึ้น
8. ปลิง
ในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19 ปลิงถูกนำมาใช้เป็นทางเลือกสำหรับการรักษาด้วยวิธี “เอาเลือดออก” ตามที่อธิบายในข้อ 1 ซึ่งปกติแล้ว การเอาเลือดออกมักจะทำโดยการใช้มีดทำให้เกิดแผล แต่การใช้ปลิง ถือเป็นวิธีที่เจ็บน้อยกว่า
9. เฮมิกลอสเซกโตมี่ (Hemiglossectomy)
เป็นวิธีการของแพทย์ในช่วงยุโรปยุคกลาง ที่เป็นการตัดบางส่วนของลิ้นออกไป เพื่อรักษาอาการติดอ่างและปัญหาในการพูดอื่นๆ ซึ่งในศตวรรษที่ 17 มีผู้คนที่เสียชีวิตจากการรักษาด้วยวิธีนี้จำนวนไม่น้อย
10. โลโบโตมี่ (Lobotomy)
มีชื่อไทยเรียกว่า เจาะกระโหลกทำลายสมอง โดยเป็นการรักษาโรคทางจิตเวชที่นิยมอย่างมากในทศวรรษที่ 1940 ซึ่งในสมัยนั้นเชื่อว่า อาการป่วยทางจิต เป็นผลมาจากสมอง ดังนั้นการแก้ไขก็คือ การใช้เครื่องมือเจาะกระโหลกศีรษะเข้าไปที่สมอง เพื่อทำให้คนไข้กลายเป็นสภาพไร้สติ เลื่อนลอย แต่วิธีการนี้ก็ค่อยๆ หายไปในช่วงทศวรรษที่ 1950
11. ทรีพาเนชั่น (Trepanation)
คือวิธีการเจาะกระโหลก ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงศตวรรษที่ 19 โดยเป็นการใช้เครื่องมือเจาะลงไปบนกระโหลกศีรษะให้เป็นรูเล็กๆ จนเผยให้เห็นสมอง เพื่อรักษาโรคฮิสทีเรียและโรคประสาท ซึ่งภายหลังแพทย์ได้ตระหนักว่า มันทำให้คนตายมากกว่าที่จะรักษา
12. ยาน้ำเสพติด
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 1800 มีเภสัชกรได้จดสิทธิบัตรยาน้ำเชื่อม ที่ช่วยบรรเทาอาการไอ การปวดจากการงอกของฟันของเด็ก ซึ่งมันมีส่วนผสมของ มอร์ฟีน โคเดอีน กัญชา คลอโรฟอร์ม เมทแอมเฟตามีน และ แอลกอฮอล์ ทุกอย่างมีอยู่ในปริมาณต่ำพอที่จะช่วยลดอาการปวดฟัน แต่ก็มีเด็กหลายคนที่กินมันเกิดขนาดจนถึงแก่ชีวิต
13. ปรอทเหลว
ในยุคโบราณ ชาวเปอร์เซีย กรีก และจีน ต่างใช้ปรอทเป็นส่วนผสมของครีมเพื่อใช้รักษาโรคผิวหนัง แถมยังมีความเชื่ออีกว่า การกลืนมันลงไปจะช่วยยืดอายุขัยให้ตัวเองได้ ส่วนการใช้ปรอทที่กว้างขวางที่สุดคือตั้งแต่ศตวรรษที่ 15-20 โดยเป็นการใช้รักษาอาการซิฟิลิส
14. เข็มขัดไฟฟ้า
แม้ว่าการใช้ไฟฟ้ารักษาโรคจะเป็นเรื่องถูกกฏหมาย แต่ก็มีนักต้มตุ๋นไม่น้อยที่หลอกขาย เข็มขัดไฟฟ้า ที่อ้างว่ามันใช้รักษาโรคได้ โดยเป็นการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นไปที่หน้าท้อง เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร รวมไปถึงการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศและการลดน้ำหนักอีกด้วย
ที่มา : buzzfeed | เรียบเรียงโดย เพชรมายา