บนโลกใบนี้ มีแมวมากกว่า 250 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นขนสั้น ขนยาว ขนเกรียน ตัวใหญ่ ตัวเล็ก รูปร่างหน้าตาก็แตกต่างกันออกไป แต่ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันมากแค่ไหน แต่ทุกสายพันธุ์ก็น่ารักไม่ต่างกัน
วันนี้เพชรมายาจึงขอพามาชมราคาแมวที่มีราคาสบายกระเป๋าจากทั่วโลก เพราะเมื่อคุณจ่ายเงินซื้อแมวเหล่านี้แล้ว รับรองว่า กระเป๋าสตางค์คุณจะเบาลง จนเดินตัวปลิวแน่นอน
** หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน $1 = 34.5 บาท และราคาเป็นราคาต่างประเทศ **
1. แมวป่านอร์เวย์ (20,700 – 103,500 บาท)
บรรพบุรุษของแมวสายพันธุ์นี้ ถูกผสมโดยชาวไวกิ้งมาตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว จุดเด่นของมันคือความงามของขนที่ยาวสลวย ที่มีไว้ป้องกันความหนาวเย็น นอกจากนั้นมันยังเป็นนักล่าที่ดีอีกด้วย
2. แมวหิมาลายัน (17,250 – 44,850 บาท)
แมวหิมาลายันค่อนข้างคล้ายคลึงกับแมวเปอร์เซีย แต่ลักษณะเด่นของมันคือมีตาสีฟ้า และมีสีลำตัวที่อ่อน แต่มีสีทึบที่บริเวณใบหน้า เท้า หู และหาง แมวสายพันธุ์นี้ถูกผสมขึ้นในช่วงปี 1950 ในอเมริกา มันมีนิสัยว่าง่าย อ่อนโยน เป็นมิตร และรักสงบ
3. สกอตทิช โฟลด์ (6,900 – 51,750 บาท)
จุดเด่นที่สุดของสกอตทิชโฟลด์ คือใบหูที่พับลงมาน่ารักไม่เหมือนใคร ความแปลกนี้เป็นผลพวงมาจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม พวกมันเป็นแมวที่ฉลาด เข้ากับคนง่ายและพร้อมที่จะเล่นเสมอ นอกจากนั้น จุดเด่นของมันอีก 2 อย่างก็คือ มันชอบยืน 2 ขา และท่านั่งที่แปลกไม่เหมือนแมวสายพันธุ์ไหน
4. ปีเตอร์บัลด์ (13,800 – 41,400 บาท)
ปีเตอร์บัลด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปีเตอร์สเบิร์ก สฟิงซ์ ถูกผสมในรัสเซียเมื่อปี 1994 จุดเด่นของพวกมันคือมีร่างกายที่ผอม หัวยาว และมีหูขนาดใหญ่ นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นแมวที่เข้าสังคมได้ง่าย อ่อนโยน และฝึกง่าย
5. อียิปเตียน โม (17,250 – 51,750 บาท)
ลักษณะของแมวสายพันธุ์อียิปต์ชนิดนี้ เปลี่ยนไปเล็กน้อยในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ จุดเด่นของพวกมันคือมีจุดและลวดลายสีดำที่คล้ายกับเสือนั่นเอง
6. เมนคูน (20,700 – 51,750 บาท)
นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักของพวกมันอยู่ระหว่าง 5-15 กิโลกรัม และแมวเมนคูนที่โตเต็มที่ จะมีความยาวได้ถึง 1.23 เมตร แต่ถึงแม้รูปร่างมันจะดูใหญ่โตน่ากลัว แต่นิสัยของมันค่อนข้างอ่อนโยนและขี้เล่น
7. ลาเปิร์ม (6,900 – 69,000 บาท)
หนึ่งในสายพันธุ์แมวที่แปลกที่สุด ที่ปรากฏขึ้นในช่วงปี 1980 ในสหรัฐอเมริกา จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือขนของมันที่มีลักษณะหยิกหยอย และขนของมันไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ลาเปิร์มจึงเป็นแมวที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้
8. รัสเซียน บลู (13,800 – 69,000 บาท)
หนึ่งในแมวพันธุ์ขนสั้นที่เป็นที่นิยมมากที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักนอกประเทศรัสเซียเมื่อปี 1893 จุดเด่นของมันคือสีขนเทาน้ำเงินที่เรียบเนียนสวย นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อที่ว่า แมวสายพันธุ์นี้จะนำโชคดีมาสู่บ้านที่เลี้ยง
9. เซเรนเกติ (20,700 – 69,000 บาท)
ประวัติศาสตร์ของแมวเซเรนเกติ เริ่มต้นมาได้ไม่นาน โดยมันเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1994 สายพันธุ์ของพวกมันถูกพัฒนาให้ใหญ่ขึ้น จนมีน้ำหนักมากถึง 8-12 กิโลกรัม มีใบหูที่ใหญ่ มีจุดดำตามลำตัว และมีขาที่ยาวมาก
10. เอลฟ์ (ประมาณ 69,000 บาท)
สายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาได้ไม่นานในอเมริกาเมื่อปี 2006 โดยเป็นการผสมกันระหว่าง แมวสฟิงซ์ และ อเมริกัน เคิร์ล ซึ่งมันดูเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังฉลาด ซุกซน ขี้สงสัย กระตือรือร้น และซื่อสัตย์
11. ทอยเกอร์ (17,250 – 103,500 บาท)
เป็นแมวสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายเสือ เพราะทอยเกอร์ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจากผู้ที่มีแรงบันดาลใจ ในการอนุรักษ์เสือในป่า ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ชื่อของมัน ทอยเกอร์ จะมาจากคำว่า ไทเกอร์ ที่แปลว่า เสือ นั่นเอง
12. อเมริกัน เคิร์ล (34,500 – 103,500 บาท)
เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในแคลิฟอร์เนียในปี 1981 ลูกแมวอเมริกัน เคิร์ล จะดูไม่ออกว่ามันเป็นพันธุ์นี้ จนกระทั่งมันโตเต็มที่ แต่ในช่วงวันที่ 10 เป็นต้นไป คุณจะเริ่มเห็นหูของมันโผล่ขึ้นมาเหมือนกับเขาเล็กๆ ด้วยลักษณะเช่นนี้ ทำให้มันเป็นแมวที่โดนใจใครหลายๆ คน
13. เบงกอล (34,500 – 138,000 บาท)
เป็นการพัฒนาข้ามสายพันธุ์มาจากแมวดาวเอเชียกับแมวบ้าน แมวเบงกอลชื่นชอบในการว่ายน้ำอย่างมาก และถึงแม้ขนาดตัวของมันจะหนัก 4-8 กิโลกรัม แต่มันก็ชอบปีนขึ้นมาบนไหล่เจ้าของๆ มันอยู่บ่อยๆ
14. ซาฟารี (138,000 – 276,000 บาท)
แมวสายพันธุ์หายากที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวบ้านและแมวชอฟรัว ซึ่งเป็นแมวป่าในอเมริกาใต้ โดยการผสมเกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1970 เพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และน้ำหนักของแมวชนิดนี้หนักถึง 11 กิโลกรัม
15. ขาวมณี (241,500 – 379,500 บาท)
แมวไทยโบราณส่งเข้าประกวด โดยมันถูกพบในบันทึก “ตำราแมว” ที่อยู่ในช่วงปี 1350-1767 ในสยามบ้านเรา โดยเป็นแมวที่ถูกเลี้ยงโดยชนชั้นสูง จุดเด่นของมันคือมีสีขาวปลอด และมีตาสองสี โดยในต่างประเทศค่อนข้างหายากมาก และมีราคาสูงลิบลิ่ว
16. ชอซี (276,000 – 345,000 บาท)
หนึ่งแมวสายพันธุ์หายากที่สุด โดยมันถูกพัฒนาข้ามสายพันธุ์โดยการผสมกันระหว่างแมวบ้านและแมวป่า แต่มันเป็นแมวที่เข้ากับคนได้ง่ายมาก และไม่ชอบที่จะอยู่อย่างสันโดษ ชอซี มีความสุขกับการได้อยู่กับมนุษย์ แมวตัวอื่นๆ หรือแม้กระทั่งสุนัข
17. คาราคัล (241,500 – 345,000 บาท)
คาราคัล ถือเป็นแมวที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จุดเด่นของมันคือใบหูที่มีลักษณะไม่เหมือนแมวพันธุ์ไหน เมื่อหลายปีก่อน แมวสายพันธุ์นี้ถูกเปลี่ยนจากสถานะสัตว์ป่าเป็นสัตว์เลี้ยงพิเศษ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันมีราคาสูงมาก
18. ซาวันนนาห์ (138,000 – 759,000 บาท)
เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวเซอวัลแอฟริกัน และแมวบ้าน พวกมันถือว่าเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยถึง 15 กิโลกรัม และมีความสูงถึง 60 เซนติเมตร แมวซาวันนาห์เป็นที่รู้จักในเรื่องของความฉลาด ใจเย็น อยากรู้อยากเห็น และกระตือรือร้น นอกจากนั้นพวกมันยังชอบอาบน้ำและเดินเล่นอีกด้วย
19. อาชีร่า (759,000 – 3,450,000 บาท)
แมวที่โคตรแพงที่สุด นิยมเลี้ยงโดยไฮโซในต่างประเทศ อาชีรา เป็นแมวที่เกิดจากการผสมระหว่างแมวเซอวัลแอฟริกัน แมวดาวเอเชีย และแมวบ้าน โดยผู้ที่ผสมสายพันธุ์ของอาชีร่ากล่าวว่า มันเป็นแมวที่ไม่ส่งผลต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ยังมีข้อถกเถียงในเรื่องนี้อยู่
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา