20 ข้อเท็จจริงของ “แบล็คไนท์” ดาวเทียมลึกลับจากต่างดาว ที่โคจรอยู่ก่อนดาวเทียมดวงแรกของโลก

ย้อนกลับไปในสมัยเรียน คุณอาจได้เรียนรู้ว่า ดาวเทียมดวงแรกของโลก คือ สปุตนิค 1 (Sputnik 1) ของสหภาพโซเวียต ที่ถูกส่งขึ้นไปในวันที่ 4 ตุลาคม 1957 แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าดาวเทียมดวงแรกของโลก ถูกส่งขึ้นไปแล้ว พบกับวัตถุประหลาด ที่โคจรอยู่ในอวกาศอยู่ก่อนแล้ว จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตและได้รับความสนใจจากผู้คนนับล้านทั่วโลก และมันก็ถูกตั้งชื่อว่า ดาวเทียมแบล็คไนท์ (Black Knight Satellite)

Black-Knight-Satellite-02

 

ดาวเทียมประหลาดนี้ หรือจะเรียกว่า UFO ก็ไม่ผิดนัก ถูกเล่าขานกันมานานหลายทศวรรษ หลายๆ คนอาจพอทราบเรื่องราวมาบ้างแล้ว แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้เพชรมายาจึงขอสรุปเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด 20 ข้อ เกี่ยวกับ ดาวเทียมแบล็คไนท์ มาให้ดูกัน

Black-Knight-Satellite-04

 

1. มีคำอ้างอิงจากหน่วยงานทั่วโลกว่า แบล็คไนท์ส่งสัญญาณวิทยุมานานกว่า 50 ปี

 

2. ทั้งอเมริกาและโซเวียตในขณะนั้น แสดงความสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับวัตถุลึกลับในอวกาศ

 

3. มีข่าวลือว่า นิโคลา เทสลา (ผู้คิดค้นสัญญาณวิทยุและไฟฟ้ากระแสสลับ) เป็นบุคคลแรก ที่รับสัญญาณของแบล็คไนท์ได้ตั้งแต่ปี 1899 หลังประดิษฐ์อุปกรณ์วิทยุคลื่นความถี่สูง ในโคโลราโด สปริงส์

 

4. ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 นักดาราศาสตร์ทั่วโลก ได้รับรายงานสัญญาณวิทยุแปลกๆ ซึ่งถูกอ้างว่ามาจากแบล็คไนท์

 

5. เรื่องราวของแบล็คไนท์ ถูกเปิดเผยในสื่อช่วงทศวรรษที่ 1940

 

6. วันที่ 23 สิงหาคม 1954 นิตยสารเทคโนโลยีการบินและอวกาศรายสัปดาห์ เผยเรื่องราวเกี่ยวกับแบล็คไนท์ให้กับเพนตากอน แต่ถูกเพนตากอนปิดข่าวไว้เป็นข้อมูลลับ

 

7. ในปี 1957 ดร. หลุยส์ คอร์ราลอส จากกระทรวงการสื่อสารในเวเนซุเอลา ได้ถ่ายภาพของมันได้ ในขณะที่กำลังถ่ายภาพดาวเทียมสปุตนิค 2 ในขณะที่มันผ่านเหนือคาราคัส เวเนซุเอลา

 

8. ในปี 1957 สปุตนิค 1 ดาวเทียมดวงแรกของโลกพบแบล็คไนท์ มีลักษณะเป็นเงามืด โคจรอยู่ในวงโคจรขั้วโลกอยู่ก่อนแล้ว

 

9. ในปี 1957 ไม่ว่าอเมริกาหรือโซเวียต ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถจะส่งยานอวกาศไปในวงโคจรขั้วโลกได้มาก่อน

 

10. ดาวเทียมที่สามารถไปในวงโคจรขั้วโลกได้ ถูกปล่อยขึ้นไปในปี 1960

Black-Knight-Satellite-03

 

11. นิตยสารไทม์ เขียนเกี่ยวกับแบล็คไนท์ในวันที่ 7 มีนาคม 1960

 

12. วงโคจรขั้วโลก มักจะถูกใช้ในการทำแผนที่โลก เพื่อสังเกตุภาพโดยรวมของแผ่นดินทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลให้แบล็คไนท์ ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของดาวเทียมสังเกตุการณ์

 

13. ในปี 1960 นักวิทยาศาสตร์พบแบล็คไนท์อีกครั้งในวงโคจรขั้วโลก นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์คำนวนน้ำหนักของมันจะที่น่าจะมีมากกว่า 10 ตัน ซึ่งนั่นจะทำให้มันเป็นดาวเทียมที่หนักที่สุดบนโลกใบนี้

 

14. แบล็คไนท์ไม่เหมือนกับวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบโลกมาก่อน

 

15. บริษัทอากาศยานกรัมแมน ให้ความสนใจกับดาวเทียมลึกลับนี้อย่างมาก เมื่อวันที่ 3 กันยายน 1960 เป็นเวลา 7 เดือนหลังจากแบล็คไนท์ถูกจับด้วยเรดาห์ กรัมแมนได้ติดตามเพื่อถ่ายภาพแบล็คไนท์ได้สำเร็จ

 

16. กรัมแมนจัดตั้งคณะกรรมเพื่อศึกษาข้อมูลที่ได้จากการสังเกตุการณ์ แต่กลับไม่มีสิ่งใดๆ ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณะ

 

17. ในปี 1963 นักบินอวกาศ กอร์ดอน คูเปอร์ ถูกส่งไปในอวกาศ ในการโคจรรอบสุดท้าย เขารายงานกว่า เห็นวัตถุแสงสีเขียวอยู่ข้างหน้า เคลื่อนตรงผ่านยานของเขาไป สถานีติดตามมูเชียในออสเตรเลีย ที่คูเปอร์รายงาน สามารถจับวัตถุลึกลับที่ไม่สามารถระบุได้อยู่บนจอเรดาห์เช่นกัน

 

18. ผู้ประกอบการวิทยุ แฮม เรดิโอ เป็นผู้ถอดรหัสจากชุดสัญญาณที่ได้รับจากดาวเทียมลึกลับนี้ และตีความได้ว่า มันอยู่ในระบบดาว Epsilon Bootes

 

19. อ้างอิงจากการถอดรหัสจากดาวเทียมแบล็คไนท์ พบว่ามันมาจากระบบดาว Epsilon Bootes เมื่อ 13,000 ปีก่อน

 

20. นาซ่าเป็นคนเปิดเผยภาพที่ถูกถ่ายได้ชัดอย่างเป็นทางการของแบล็คไนท์ด้วยตัวเอง จากภารกิจ STS-88 ในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 1998

Black-Knight-Satellite-01

 

สรุปแล้ว แบล็คไนท์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งหลักฐานของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากดาวอื่น ที่มาเยือนโลกเราหรือไม่ ? แล้วคุณล่ะ คิดว่าแบล็คไนท์ คืออะไรกันแน่ ?

ที่มา : ancient-code | เรียบเรียงโดย เพชรมายา