การหายไปอย่างลึกลับของเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 370 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ MH370 ถือเป็นหนึ่งในความลึกลับที่สุดในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากในปัจจุบันเรายังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้กันแน่
ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ความลึกลับดังกล่าวไม่เคยถูกคลี่คลาย ไม่มีใครค้นพบว่าจริง ๆ แล้ว MH370 หายไปไหน ถึงแม้ว่าจะมีทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่ MH370 จะตกลงที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรอินเดีย ดูจะมีความเป็นไปได้มากแทบจะ 100%
ล่าสุด รายงานฉบับใหม่อ้างว่ามีการค้นพบ “ตำแหน่งที่แน่นอน” ของ MH370 เรียบร้อยแล้ว
ย้อนกลับไปในปี 2014 เครื่องบินลำนี้หายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน หลังจากที่ออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม แต่ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศหลังจากออกจากสนามบิน 38 นาที
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่เรามีในปัจจุบันนี้อาจไขปริศนาลึกลับนี้ได้
ทีมตรวจสอบความปลอดภัยทางอากาศของออสเตรเลียได้ตัดสินใจเตรียมกลับมาค้นหา MH370 อีกครั้ง หลังจากที่ได้รับรายงานจาก ริชาร์ด ก็อดฟรีย์ วิศวกรการบินและการบินอวกาศชาวอังกฤษ
ริชาร์ดอ้างว่า เครื่องบินได้ตกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลียห่างออกไปราว 1,933 กิโลเมตร และขณะนี้จมอยู่ที่ก้นมหาสมุทรลึก 4,000 เมตร
นักวิจัยชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในเยอรมนีกล่าวว่า เขาเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับ MH370 เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบิน 447 (AF447) ที่หายไประหว่างเดินทางจากรีโอเดจาเนโรมุ่งหน้าสู่ปารีสในเดือนพฤษภาคมปี 2009
ก็อดฟรีย์มีกำหนดการเดินทางบนเที่ยวบินนั้น แต่ติดงานด่วนกะทันหันในอเมริกาใต้จนต้องเลื่อนการเดินทางออกไป 2 สัปดาห์ ก่อนที่เครื่องบินที่มีผู้โดยสาร 288 คนจะหายไปและถูกพบในมหาสมุทรแอตแลนติกในอีก 2 ปีต่อมา
ก็อดฟรีย์กล่าวว่า “เมื่อผมเห็น MH370 ผมเห็นความคล้ายคลึงกันจนผมต้องหาข้อมูลเรื่องนี้ให้ได้”
เขากล่าวว่าสามารถติดตามการเคลื่อนไหวสุดท้ายของเครื่องบินได้โดยใช้ฐานข้อมูลคลื่นวิทยุที่เรียกว่า Weak Signal Propagation Reporter ที่บันทึกการรับส่งคลื่นวิทยุในชั้นบรรยากาศ จนกระทั่งหาพิกัดของเครื่องบินในช่วงที่หายไปได้
ในสารคดี Sky News Australia ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ทำให้ผู้ชมเห็นว่าหน่วยงานความปลอดภัยของออสเตรเลีย (ATSB) ได้ออกมายืนยันข้อมูลนี้แล้ว และหน่วยงานธรณีศาสตร์ออสเตรเลียได้ตรวจสอบข้อมูลของก็อดฟรีย์แล้วเช่นกัน
ในขณะที่ แอนกัส มิตเชลล์ หัวหน้าผู้บัญชาการ ATSB ได้ออกมาระบุว่า เขาไม่ต้องการให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับครอบครัวของผู้ประสบภัย ถึงแม้ว่างานวิจัยของก็อดฟรีย์จะมีความ “น่าเชื่อถือ” แต่การค้นหาเครื่องบินจะเป็นเรื่องของรัฐบาลมาเลเซียซึ่งต้องใช้เงินทุนอีกจำนวนไม่น้อยสำหรับภารกิจครั้งนี้
ดูเหมือนว่าเรื่องราวความลึกลับของ MH370 กำลังจะมาถึงจุดที่ทุกคนกำลังจะทราบความจริงแล้ว แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ การค้นหาจะเริ่มเมื่อไหร่ และจะทำให้เราได้ทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้กันแน่
ที่มา : mirror | เรียบเรียงโดย เพชรมายา