ถึงแม้โดยส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์เราจะมีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตร่วมกันแบบผัวเดียวเมียเดียว แต่ในบางวัฒนธรรมหรือบางความเชื่อ เราก็พบว่า ผู้ชายสามารถมีภรรยาหลายคนได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตกลงปลงใจว่าทุกฝ่ายยินดีที่จะใช้ชีวิตแบบไหนที่ลงตัวสำหรับพวกเขามากที่สุด
และนี่คือเรื่องราวความรักอันแปลกประหลาดของ กัลยัน คอนเทนต์ครีเอเตอร์หนุ่มชาวอินเดียจากเมืองติรุปติ ที่แต่งงานกับหญิงสาวที่ชื่อ วิมาลา หลังจากที่ทั้งคู่ได้พบรักกันบนโซเชียลมีเดีย
ทุกสิ่งดูเหมือนจะราบรื่นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งฝ่ายชายถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ นิธยสรี อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวอินเดียจากเมืองวิศาขาปัฏฏนัม ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองดังกล่าวได้ไม่นาน และที่พีกก็คือทั้งคู่เคยคบหาดูใจกันมาก่อน
ย้อนกลับไปในอดีต กัลยันเคยคบกับนิธยสรีอยู่พักใหญ่ก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกรากันเพราะปัญหาบางอย่างที่ไม่เปิดเผย แต่ดูเหมือนปัญหานั้นจะคลี่คลายไปได้แล้ว และทั้งคู่ก็แอบมาคบกันอย่างลับ ๆ หลังจากที่หญิงสาวย้ายมาอยู่ที่เมืองติรุปติ
แต่แทนที่เธอจะยุยงให้ฝ่ายชายทิ้งภรรยาคนปัจจุบัน นิธยสรีกลับต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในครอบครัวของฝ่ายชาย
กัลยันและนิธยสรีรู้ดีว่าตนเองยังมีความรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายจนไม่อาจแยกจากกันได้ แต่การไปบอกเลิกกับวิมาลาผู้เป็นภรรยาก็อาจจะดูไม่เป็นธรรม ดังนั้นทั้งคู่จึงไปอ้อนวอนวิมาลาเพื่อขอให้ได้แต่งงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
อย่างที่หลายคนคิด วิมาลาสับสนในตอนแรก แต่หลังจากที่ใช้เวลาขบคิดกับเรื่องนี้ เธอไม่เพียงแต่อนุญาตให้ทั้งคู่จัดงานแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามพิธีทางศาสนาเท่านั้น แต่เธอยังเข้าร่วมในพิธีแต่งงาน และช่วยถ่ายรูปให้กับทั้งคู่อีกด้วย
ความใจกว้างของคุณภรรยายังไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อกัลยันและนิธยสรีขอมาอยู่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน โดยใช้ชีวิตแบบ 3 คนผัวเมีย วิมาลาก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
เรื่องราวความรักของทั้ง 3 คนกลายเป็นที่ถกเถียงบนโลกโซเชียลมีเดียของอินเดียอย่างมาก บางคนกล่าวหาว่าชายคนนี้ทำให้ภรรยาตัวเองขายหน้า ด้วยการแต่งงานกับแฟนเก่าในวัด ในขณะที่หลายคนยกย่องความเข้มแข็งของวิมาลาที่ยินยอมทำตามความปรารถนาของสามี
ถึงแม้เรื่องนี้จะฟังดูไม่ปกติ แต่บ่อยครั้งที่เราพบเรื่องราวของสามีที่พาผู้หญิงอื่นมาอยู่อาศัยด้วยอย่างออกหน้าออกตา โดยที่ได้รับความยินยอมจากภรรยาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในที่สุดแล้วเราก็ไม่อาจหยั่งรู้จิตใจของภรรยาได้ว่าพวกเธอยินดีกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
ที่มา: odditycentral