เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ปี 1975 เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ชื่อ SS Edmund Fitzgeral สัญชาติอเมริกันได้จมลงก้นทะเลสาบซูพีเรีย ถือเป็นเรือที่ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยจมลงที่นี่
แต่เรื่องลึกลับของเรือนี้คือการหายไปอย่างไร้ร่องรอย ของลูกเรือจำนวน 28 คน พร้อมกับทรัพย์สินของพวกเขา ถึงแม้จะมีการพบซากเรือที่จมอยู่ใต้ทะเลแล้วก็ตาม
SS Edmund Fitzgeral ทำภารกิจมามากมายกว่า 39 ครั้ง โดยที่ไม่ีเคยมีปัญหาใดๆ แต่ในภารกิจครั้งที่ 40 มันต้องเผชิญกับคลื่นลมรุนแรงจากพายุ และปะทะกับคลื่นยักษ์ 3 รอบ จนทำให้เรือล่มและถูกฉีกเป็น 2 ท่อน ห่างไป 17 ไมล์จากคาบสมุทรมิชิแกน
เรือถูกพบภายหลังใน 4 วันต่อมา แต่ไม่มีสัญญาณของลูกเรือแม้แต่คนเดียว
หลายสิบปีต่อมา ในปี 1994 มีการค้นพบ 1 ในกะลาสีเพียงคนเดียวที่แต่งตัวเต็มยศ และสวมเสื้อชูชีพที่ใกล้หัวเรือ แต่คนอื่นๆ ไม่เคยถูกค้นพบเลยแม้แต่คนเดียว
หนึ่งในทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังจากหายตัวไปของลูกเรือเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่าโดยทั่วไปเวลามีคนตายในน้ำ แบคทีเรียจะกัดกินศพและสร้างก๊าซที่ทำให้ศพลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ หรือพูดง่ายๆ ว่าขึ้นอืด แต่ในกรณีของทะเลสาบสุพีเรียที่น้ำเย็นจัดจนทำให้แบคทีเรียไม่สามารถเติบโตได้ และเมื่อไม่มีแบคทีเรียที่กัดกินศพ ศพจึงจมอยู่ที่ก้นทะเลสาบที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่เคยโผล่ขึ้นมาเลย
ที่มา : creepybasement | เรียบเรียงโดย เพชรมายา