งูเส้นด้ายบาร์เบโดส งูที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไส้เดือน

ภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่บนเหรียญ 25 เซนต์ของอเมริกา กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์มานานแล้ว ในขณะที่หลายคนคิดว่ามันคือไส้เดือน หรือบ้างก็คิดว่ามันคือลูกงู แต่จริง ๆ แล้วมันคืองูสายพันธุ์หนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีขนาดเล็กที่สุดในโลก

งูเส้นด้ายบาร์เบโดส (Barbados Threadsnake) คืองูที่มีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะแคริบเบียน ของประเทศบาร์เบโดส โดยมีความยาวเฉลี่ยเพียงแค่ 10 เซนติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่พอ ๆ กับเส้นสปาเก็ตตีเท่านั้น

แถมพฤติกรรมของงูชนิดนี้ยังชอบอาศัยอยู่ในดินใต้ก้อนหินหรือขอนไม้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แทบทุกคนมักเข้าใจผิดคิดว่ามันคือไส้เดือน

แแบลร์ เฮดเจส นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต ได้ค้นพบงูเส้นด้ายบาร์เบโดสเป็นครั้งแรกในปี 2008 ในขณะที่มันกำลังเลื้อยอยู่ใต้ก้อนหินใกล้กับพื้นที่ป่าของบาร์เบโดส นอกจากขนาดที่เล็กมากของมันแล้วมันยังเป็นงูที่ตาบอดอีกด้วย

ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการค้นพบงูชนิดนี้น้อยมาก จึงเป็นสาเหตุที่ยากต่อการศึกษาทางด้านระบบนิเวศและพฤติกรรมของมัน

แต่จากาการศึกษาคาดว่า อาหารหลักของงูชนิดนี้ก็คือพวกมด ปลวก และหนอน ตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 1 ฟองซึ่งไข่จะมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน ส่วนลูกงูที่ฟักออกมาจะมีความยาวถึงครึ่งหนึ่งจากความยาวของแม่ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนงูที่โตเต็มวัย

ภาพเปรียบเทียบของงูสายพันธุ์ใหญ่ที่เวลาตัวอ่อนฟักออกจากไข่จะมีขนาดเล็กมาก แต่งูสายพันธุ์เล็กอย่างงูเส้นด้ายบาร์เบโดส ตัวอ่อนจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตัวโตเต็มวัย

โดยปกติแล้ว งูสายพันธุ์เล็กมักจะวางไข่เพียงฟองเดียว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ไข่ของมันมีขนาดใหญ่และลูกงูที่ออกมาก็มักจะมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับแม่ของมัน ซึ่งช่วยโอกาสในการอยู่รอดของลูกงูให้สูงขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ งูเส้นด้ายบาร์เบโดสเป็นหนึ่งในสัตว์หลาย ๆ สายพันธุ์บนเกาะแคริบเบียน ที่ถูกนักวิทยาศาสตร์สังเกตการณ์มาตั้งแต่สมัยของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน โดยหมู่เกาะบริเวณนี้มักเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีขนาดเล็กกว่าปกติ

แต่น่าเสียดายที่งูเส้นดายบาร์เบโดสอาจสูญพันธุ์กำลังอยู่ในเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากป่าไม้ของบาร์เบโดสที่เหลือเพียง 10% เท่านั้น ดังนั้น อนาคตของงูสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกนี้จึงไม่แน่นอน

ที่มา: wikipedia | odditycentral