ย้อนกลับไปในปี 2017 ได้เกิดเหตุไฟป่าหลายแห่งทั่วโลก ผู้คนต่างตื่นตระหนกเพราะขนาดดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งอย่างกรีนแลนด์ก็ยังไม่รอด ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นไปทั่วนี้อาจเกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อน ผลพวงจากการเกิดไฟป่าที่รุนแรง รวมถึงในพื้นที่ๆ ไม่ปกติ ส่งผลให้ผู้คนในพื้นที่เสี่ยงทั้งหลาย จำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งเงินทองและทรัพย์สิน รวมถึงชีวิตอันมีค่าของสมาชิกในครอบครัวอีกด้วย
ในช่วงเดือนมกราคม 2017 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศชิลี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 11 ราย โดยเป็นนักดับเพลิงถึง 5 รายด้วยกัน เปลวไฟได้เผาทุกลายทุกอย่างในเมือง ซานตา โอลกา ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ต้นไม้ บ้านเรือน สัตว์ต่างๆ รวมถึงผู้คน มีการคาดว่า ไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ไปกว่า 3.6 ล้านไร่ หรือใหญ่เป็น 3 เท่าของพื้นที่กรุงเทพมหานคร นางมีเชล บาเชเล ประธานาธิบดีหญิงของชิลีได้กล่าวว่า นี่คือภัยพิบัติบนพืนป่าที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศชิลีก็ว่าได้
หลังจากเหตุการณ์ไฟป่าผ่านไปราว 1 เดือน ชาวชิลีจำนวนมากก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่บ้านเรือนของผู้คนเริ่มถูกซ่อมแซมและสร้างใหม่ แต่การพลิกฟื้นผืนป่าให้กลับมาเหมือนเดิมกลับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่พยายามเข้ามากู้สถานการณ์ในครั้งนี้ ด้วยวิธีที่หลายคนคาดไม่ถึง
ฟรานซิสกา ตอร์เรส หญิงสาวจากองค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ที่เรียกตนเองว่า Pewos ที่มุ่งเน้นเรื่องการอยู่อาศัยของสัตว์ป่า เธอได้ร่วมมือกับ คอนสแตนซา น้องสาวของเธอ คิดค้นไอเดียที่จะใช้สุนัขพันธุ์ บอร์เดอร์ คอลลี ทั้ง 3 ตัวของเธอมาช่วยในภารกิจพลิกฟื้นผืนป่าในครั้งนี้ พวกมันเป็นหนึ่งในสุนัขที่ฉลาดที่สุด เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว และมักถูกใช้ในการต้อนแกะ
นี่คือโฉมหน้าสุนัขทั้ง 3 ได้แก่ แดส คุณแม่วัย 6 ปี และลูกสาว 2 ตัวของเธอคือ โอลิเวีย และ ซัมเมอร์ ตอนนี้ทุกตัวกำลังอยู่บนพื้นหญ้าที่ไหม้เกรียม ไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าใดๆ ที่หลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ ในเมื่อไม่มีต้นไม้ ไม่มีต้นหญ้า ไม่มีพืชพันธุ์ต่างๆ ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิต เหลือไว้เพียงแค่กองเถ้าถ่าน ดูแล้วสิ้นหวังที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
และภารกิจของสุนัขเหล่านี้ก็คือ การแบกถุงเมล็ดพันธุ์พืชเอาไว้ ฟรานซิสกาและน้องสาวปล่อยให้เจ้าตูบทั้ง 3 วิ่งผ่านป่าที่ถูกไฟไหม้ไปเรื่อยๆ เพื่อปล่อยให้เมล็ดพันธุ์พืชเหล่านี้ตกลงไปตามเส้นทางที่พวกมันวิ่งผ่าน
ด้วยพลังงานอันเหลือล้นทำให้พวกมันวิ่งครอบคลุมพื้นที่ป่าไปได้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แสงแห่งความหวังที่ดูริบหรี่เริ่มส่องประกายขึ้นกว่าเดิมมาก
ฟรานซิสกากล่าวว่า การใช้คนจะไม่สามารถทำระยะทางในแต่ละวันได้ไกลเท่ากับสุนัข ในขณะที่สุนัขของเธอสามารถวิ่งไปได้ไกลถึง 30 กิโลเมตรต่อวัน นั่นไม่ใช่แค่ป่าเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่สุนัขของเธอก็ได้โอกาสที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอกอีกด้วย
“แน่นอน! สุนัขเหล่านี้ไม่รู้หรอกว่ากำลังทำงานอยู่ และพวกมันก็ได้รับของตอบแทนตลอด ทุกๆ ครั้งที่ถุงเมล็ดพันธุ์หมดลง พวกมันก็จะรีบกลับมารับขนมไปกิน และเมล็ดพันธุ์ก็ถูกเติมใหม่อีกครั้งสำหรับการวิ่งรอบใหม่ นี่คือวิธีจูงใจอย่างดีเยี่ยมเพื่อให้ภารกิจลุล่วงไปได้ แถมยังได้ออกกำลังกายอีกด้วย ไม่ต้องห่วงว่าพวกมันจะเหนื่อย เพราะพวกมันมีความสุขมาก”
ภารกิจครั้งนี้ของเธอดูเหมือนจะได้ผล เพราะมีรายงานว่าต้นหญ้าและต้นอ่อนบางส่วนที่เธอลงแรงไว้ในเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นบ้างแล้ว ฟรานซิสกาเชื่อว่า นี่จะเป็นการเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และหวังว่าพื้นที่ๆ ไหม้เกรียม จะกลับมาเขียวขจีอีกครั้งในไม่ช้า
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา