สัตว์ลึกลับยาว 20 ฟุตถูกโซนาร์จับได้ คือความก้าวหน้าในการค้นหาเนสซีแห่งอเมริกา

ตำนานสัตว์ประหลาดในแม่น้ำหรือในทะเลาบไม่ได้มีเพียงแค่ ‘เนสซี’ ในทะเลสาบเนสส์ ของสกอตแลนด์ หรือพญานาคในแม่น้ำโขงของไทย แต่ยังมีตำนานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่มีอยู่ทั่วโลก และหนึ่งในนั้นก็สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบแชมเพลน ในรัฐเวอร์มอนต์ ของสหรัฐอเมริกา

สัตว์ประหลาดดังกล่าวได้รับฉายาว่า “แชมป์” (Champ) โดยชาวท้องถิ่นเชื่อว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับไดโนเสาร์คอยาวที่คล้ายกับเนสซี ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาอย่างยาวนาน และต่างก็พยายามหาหลักฐานเพื่อมาพิสูจน์การมีอยู่ของมัน

ภาพถ่ายของ ซานดรา แมนซี ที่อ้างว่าเธอกับครอบครัวของเธอได้พบกับแชมป์ เมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม 1977

และเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เคที เอลิซาเบธ นักวิทยาสัตว์ลึกลับอ้างว่า เธอค้นพบหลักฐานการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีความยาวถึง 20 ฟุต หรือราว 6 เมตร

เคทีได้ก่อตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า Champ Search เพื่อรวบรวมทีมที่จะมาสนับสนุนการค้นหาแชมป์ในทะเลสาบแชมเพลนของเธอ และการค้นพบครั้งล่าสุดนี้ ดูเหมือนจะเป็นความก้าวหน้ากว่าเดิมอย่างมาก

Kelpie II เรือของเคทีได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์ที่หลากหลายเพื่อช่วยในการค้นหาสิ่งมีชีวิตในตำนาน หนึ่งในนั้นก็คือเครื่องโซนาร์ ที่ใช้การส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปเพื่อตรวจหาวัตถุใต้น้ำ

จากการอ่านค่าโซนาร์ สามารถเห็นวัตถุที่มีความยาวเคลื่อนที่ผ่านทะเลสาบที่ระดับความลึกประมาณ 42.5 ฟุต โดยใช้สิ่งที่ดูเหมือนครีบขับเคลื่อนตัวเองผ่านน้ำ

จากนั้นเคทีก็เปรียบเทียบกับการอ่านค่าโซนาร์อื่น ๆ เช่น ฝูงปลา ปลาสเตอร์เจียน ปลาสายพันธุ์กะพง และวาฬขนาดเล็ก เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของการเคลื่อนไหวและขนาดตัวของมัน ซึ่งเราจะเห็นได้จากวิดีโอนี้

แม้ว่าเคทีจะเคยจับภาพโซนาร์ของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นแชมป์มาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับการค้นหาเนสซีของอเมริกา ถึงแม้ว่าหลักฐานจากโซนาร์จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ 100% ว่ามันคือแชมป์ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ จะมีสัตว์สักกี่ชนิดที่มีความยาวถึง 6 เมตร อาศัยอยู่ภายใต้ทะเลสาบแห่งนี้

สุดท้าย สำหรับใครที่สงสัยว่า ‘นักวิทยาสัตว์ลึกลับ’ คืออะไร นี่คือกลุ่มผู้คนที่ศึกษาสัตว์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในทางวิทยาศาสตร์ มันอาจเป็นสัตว์ในตำนานหรือสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่ามีจริงหรือไม่

ที่มา: ChampSearch | ladbible