ถ้าพูดถึงคำว่า ดอปเปิลแกงเกอร์ (Doppelgamger) หลายๆ คนคงรู้จักกันมาบ้างว่ามันคือปรากฏการณ์พบเห็นบุคคลหนึ่งคนในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ หรืออารมณ์ประมาณ “วิญญาณคนเป็น” อย่างเช่น คุณอาจพบตัวเองอยู่ในบ้านทั้งๆ ที่คุณยืนอยู่ข้างนอก หรือจะเป็นเพื่อนของคุณเห็นคุณนั่งอยู่ในบ้าน แต่จริงๆ แล้วคุณไปเที่ยวต่างจังหวัด เหตุการณ์เหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ชวนสยองไม่น้อยไปกว่าการเจอวิญญาณคนตาย
และเรื่องราวที่เพชรมายาจะนำให้ทุกท่านได้ชมเป็นประสบการณ์ของ สมาชิกพันทิปหมายเลข 1030271 ที่บอกเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับการพบเจอตัวเอง ถ้าพร้อมแล้วลองไปชมเหตุการณ์ชวนขนลุกนี้กัน
“เรื่องนี้เราเจอตั้งแต่สมัยประถมเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว คือตอนนั้นอยู่กันหลายคนในบ้าน มีเด็กข้างบ้านมาเล่นช่วงปิดเทอม เล่นร้องคาราโอเกะกัน ทีนี้ขออธิบายลักษณะบ้านก่อนนะคะ บ้าน จขกท มีห้องน้ำ 2 ห้อง มีทีวีวางหน้าห้องน้ำห้องแรกและเยื้องกันไปก็เป็นห้องน้ำที่มีเครื่องซักผ้า”
“ทีนี้ก็ร้องกันไปจนเที่ยงแล้วแม่เรียกออกไปกินข้าว เรากำลังปิดคาราโอเกะ ตอนนั้นบางคนก็เดินออกไปแล้ว มีแค่เรากับเด็ก 2 คนชื่อ T กับ D สายตาข้างซ้ายก็เหลือบไปเห็น เป็นตัวเราเองอะ (ย้ำตัวเราเองจริงๆ) ใส่เสื้อขาว กางเกงดำ เดินเข้าห้องน้ำ ห้องที่มีเครื่องซักผ้า แปลว่าเดินผ่านเราที่อยู่หน้าทีวี ซึ่งตอนนั้นเราก็แต่งตัวแบบนั้นเป๊ะเลยอะ เรา T กับ D เห็นพร้อมกัน มองหน้ากันรีบวิ่งแจ้นออกไปข้างนอก ยอมรับว่ากรี๊ดแต๋วแตกเลยสำหรับเด็ก 2 คนนั้นซึ่งเป็นผู้ชาย”
“เฮ้ย เราก็งง มันจะเป็นเราได้ไง ก็เราอยู่ตรงนี้ เคยถามแม่แล้วว่าเรามีฝาแฝดมั้ย หรือว่าแม่เคยแท้ง หรือมีลูกก่อนหน้านี้มั้ย แม่บอกว่าแม่อะไม่เคย ไปถามพ่อดู (แม่เค้าตลกๆอะค่ะ ประมาณว่าพ่อเคยไปทำใครท้องป่าว อะไรแบบนี้ ส่วนพ่อก็บอกว่าไม่เคย)”
และนั่นเป็นเหตุการณ์ครั้งแรก แต่นอกจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอยังเจออีก 2 เหตุการณ์ต่อไปนี้
“เรื่องฝาแฝดอะไรเราก็ลืมๆ มันไป ไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งม.6 วันนั้นเป็นวันเกิด เพื่อนสนิทชื่อพลอยก็เอารูปเราไปวาดภาพเหมือนมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ครั้งแรกที่เปิดมาตกใจมาก แต่ไม่กล้าบอกเพื่อน เพราะว่าก่อนหน้าที่เพื่อนจะเอารูปนี้มาให้ เราฝันเห็นคนในรูปวาด มันเหมือนกันเป๊ะ ในฝันคือผู้หญิงคนนี้เดินตามเรา หน้าตาเค้าดูเป็นคนอมทุกข์ ไม่ยิ้ม ไม่บึ้ง แต่เศร้า เราก็ถามเค้าว่า ‘ตามเราไปทุกที่เลยไม่เบื่อหรอ ต้องการอะไรหรือเปล่า'”
“เค้าตอบเราว่า ‘จะตามแบบนี้เรื่อยๆแบบนี้แหละ เพราะเธอเราถึงไม่ได้เกิด’ เราตื่นมา และก็ลืมมันไปจนมาเห็นรูปนี้ เราเอากลับบ้านมา เอาไปเก็บใต้โต๊ะ วันต่อมา เราเห็นมันติดอยู่บนผนังห้องนอนเรา เฮ้ย เราเก็บไว้แล้วนี่หว่า ไม่ได้เอามาแปะ แต่สอบถามไปมา แม่บอกว่าแม่เอามาติดเอง (แป่วว) แม่บอกว่าสวยดีนะ ดูไม่เหมือนเราดี”
“เรื่องผ่านไปจนเราจบมหาวิทยาลัย วันนั้นเป็นวันแต่งงานของเพื่อนๆในกลุ่มที่เรียนมัธยมด้วยกัน ซึ่งมีตูนนี่แหละแต่งหน้าทำผมไม่เป็น เราเลยบอกว่ามาบ้านเรามะ เดี๋ยวทำให้ ตกลงกันไว้ว่ามีตูน มีปอนด์มาบ้าน แต่วันจริงคือมีตูนมาคนเดียว ปอนด์บอกว่าเดี๋ยวตามไปเจอตอนแต่งตัวเสร็จแล้วและไปพร้อมกัน วันนั้นที่บ้านมีเราอยู่กับพ่อ 2 คน ส่วนแม่กับน้องไป ตจว กลับเย็นๆ เราแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วก่อนที่ตูนจะมาถึง เพราะรู้ว่าต้องใช้เวลาทำให้ตูนอีก ก็เลยแต่งหน้าตัวเองไว้ก่อน”
“พอตูนมาถึงเราก็บอกให้ไปล้างหน้าเสร็จแล้วก็นั่งรอตรงกระจกเครื่องแป้งนะ แล้วกระจกนี่ วางไว้ตรงหน้าห้องน้ำที่มีเครื่องซักผ้าอะค่ะ เราก็ขอตัวไปใส่ชุดก่อน ชุดเราเป็นชุดมีซิปด้านหลัง แขนตุ๊กตา สีโอลด์โรส วันนั้นในบ้านไม่ได้เปิดทีวี หรือวิทยุอะไร ส่วนพ่อเราก็นอนเล่นอยู่หน้าบ้าน บ้านก็เงียบมากอ่ะค่ะ เราเข้าไปเปลี่ยนห้องน้ำที่มีเครื่องซักผ้าที่เยื้องๆกันกับห้องน้ำอีกห้อง ไม่ได้ลงกลอนไว้ เพราะคิดว่าแปบเดียว เรายืนใกล้ๆประตู ตอนกำลังจะเปลี่ยนเสื้อได้ยินเสียงคนเดินจะเข้าห้องน้ำ เราเลยผลักประตูดังปึ้ง เพื่อทำเสียงให้ได้ยินว่ามีคนใช้ห้องน้ำนี้อยู่นะ เปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกมา”
“แต่ตอนออกมานี่แหละ เราเห็นเป็นตัวเราเองอีกแล้ว ใส่ชุดเดียวกับเรา แต่เป็นสีครีม เดินเข้าห้องน้ำเล็กที่เยื้องกัน เราอึ้ง พูดอะไรไม่ออก นึกถึงตอนประถมที่เคยเจอภาพนี้ แต่ทำไมต้องเข้าห้องน้ำ ครั้งแรกเค้าเข้าห้องน้ำที่เราเพิ่งใช้ไปเมื่อกี้นี้ แต่รอบนี้ใช้อีกห้องนึง เราได้สติก็เดินไปดูในห้องน้ำเล็กว่ามีใครมั้ย ปรากฏว่าไม่มี ห้องน้ำก็แห้งดี ไม่มีใครเข้า เราถามตูนว่าเมื่อกี้พ่อเดินเข้าบ้านมาหรอ ตูนบอกว่าไม่มีใครเดินเข้ามาเลย เราไม่กล้าเล่าให้ตูนฟัง เดี๋ยวมันกลัว”
“ครั้งที่ 3 คือครั้งล่าสุดที่เราเจอตัวเอง ห่างจากคราวที่ 2 ประมาณไม่กี่เดือน คือเราอยู่ในห้องนอน กำลังลองชุดที่ซื้อมาใหม่จากยูเนียนมอลล์ เรามองกระจก แล้วกำลังจะเดินออกไปข้างนอกห้อง เห็นตัวเราเองยืนเท้าคางมองตัวเอง ตำแหน่งตรงบันไดบ้าน ….. อันนี้โคตรอึ้งกว่าทุกที เพราะรอบที่ผ่านๆ มาคือเห็นตัวเองเดินไป แต่รอบนี้จ้องเลย เราเห็นเป็นภาพแว้บๆ แต่คิดแบบไม่เข้าข้างตัวเองคืออาจจะเป็นภาพที่เรามองตัวเองในกระจกตอนลองชุดมันติดตา พอหันไปมองที่อื่นภาพมันเลยติดมามั้ย? แต่ตอนนั้นเราไม่ได้เอามือเท้าคางอยู่ป่ะ? เราก็ถามตัวเอง”
และนี่ก็คือเรื่องราวสุดหลอนที่น่ากลัวไม่แพ้การเจอวิญญาณคนตาย ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ส่วนใครที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกันล่ะก็ ลองมาคอมเมนท์บอกเล่าให้เพื่อนๆ ในเพจเพชรมายาได้ฟังกันด้วยนะครับ
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : Pantip | เรียบเรียงโดย เพชรมายา