ชาวเน็ตสงสัย ถ้ามังกรเป็นสัตว์นักล่า ทำไมถึงมีตาอยู่ด้านข้างเหมือนสัตว์ที่ถูกล่าเป็นเหยื่อ

ท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในช่วงนี้ ทำให้เราต้องพบเจอแต่เรื่องราวข่าวสารความทุกข์ยาก ความลำบากของผู้คนมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เราหดหู่ใจแทบทั้งสิ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังมีชาวเน็ตบางคนที่หยิบยกเรื่องราวที่ไม่น่าจะมาถกเถียงกันได้เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้

สมาชิกเว็บไซต์ Tumblr ท่านหนึ่งนามว่า galahadwilder ได้เกิดข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับ “มังกร” ว่าจริง ๆ แล้วมันอาจเป็น “เหยื่อ” มากกว่าที่จะเป็น “นักล่า” โดยเขาเลือกเปิดประเด็นที่ว่า เวลาที่คุณเห็นสัตว์ที่มีดวงตาอยู่ข้างหน้า เช่น หมาป่า โดยปกติแล้วพวกนี้จะเป็นสัตว์นักล่า

และถ้าคุณเห็นสัตว์ที่มีดวงตาอยู่ไกลออกไปทางด้านข้างศีรษะ แสดงว่าพวกนี้คือผู้ถูกล่าหรือเหยื่อ

คราวนี้ลองมาดูกันที่ “มังกร”

ไม่ว่าจะมังกรแบบไหน ก็ล้วนแต่มีดวงตาอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นคุณลักษณะของสัตว์ที่เป็นเหยื่อแทบทั้งสิ้น

galahadwilder ใช้ข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจจากการที่สัตว์นักล่าส่วนใหญ่มีดวงตาอยู่ข้างหน้า เพื่อที่จะเล็งเป้าหมายที่เป็นเหยื่อได้ง่าย ส่วนสัตว์ที่เป็นผู้ถูกล่าส่วนใหญ่จะมีดวงตาอยู่ด้านข้าง เพื่อมุมมองที่กว้างขึ้นในการตรวจจับอันตรายที่จะเข้ามาใกล้พวกมันได้

ดังนั้นการที่มังกรมีดวงตาอยู่ด้านข้าง แสดงว่ามันก็คือผู้ถูกล่านั่นเอง !

ในขณะที่ชาวเน็ตเริ่มคล้อยตามข้อสันนิษฐานนี้ แต่ก็มีชาวเน็ตนามว่า pyrrhiccomedy ออกมาให้คำตอบที่ทำให้ชาวเน็ตกระจ่างมากยิ่งขึ้น

เขากล่าวว่า เราไม่ได้พูดกันถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เวลาที่เราพูดถึงดวงตาของสัตว์ที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านข้าง เรามักจะพูดกันถึงเรื่องของ Binocular Vision กับ Monocular Vision

Binocular Vision หรือการเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตา ถือว่ามีประโยชน์สำหรับนักล่าเพราะมันทำให้คุณรับรู้ได้ในแนวลึก 3 มิติ ตัวอย่างเช่น ระยะที่คุณต้องกระโดดไปหา ระยะการทิ่มแทง ระยะการตะปบสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าคุณ

สัตว์ชนิดใดก็ตามที่มีตำแหน่งดวงตาอยู่ข้างหน้าจะมีการมองเห็นในลักษณะนี้ นั่นรวมถึงสัตว์เลื้อยคลานนักล่าหลายชนิด เช่น มังกรโคโมโด, ตะกวด และกิ้งก่าคาเมเลียน

ความเป็นจริงเรื่อง “ดวงตาอยู่ข้างหน้า = นักล่า / ดวงตาอยู่ด้านข้าง = เหยื่อ” ดูจะใช้ได้กับนกมากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวอย่างเช่น นกนักล่าอย่าง เหยี่ยวหรือนกฮูกที่มีตาอยู่ข้างหน้า เปรียบเทียบกับนกแก้ว นกกระจอก หรือนกพิราบที่มีดวงตาอยู่ด้านข้าง

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การมองเห็นแบบ Binocular Vision จะดีกว่า Monocular Vision หรือการเห็นด้วยตาเดียว ซึ่งเป็นการมองเห็นของสัตว์ที่มีดวงตาอยู่ด้านข้างศีรษะ มันมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

Binocular Vision จะทำให้คุณมองเห็นในแนวลึกได้ดี เวลาที่พุ่งจู่โจมเข้าไปสังหารเหยื่อ แต่ข้อเสียก็คือการมองเห็นที่ถูกจำกัด นั่นหมายความว่าคุณจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้น้อยลง

ลองมาดูสัตว์น้ำกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นนักล่าหรือเหยื่อ สัตว์น้ำน้อยชนิดที่จะมีการมองเห็นแบบ Binocular Vision เนื่องจากการอาศัยอยู่ในน้ำจำเป็นต้องระวังภัยคุกคามที่อาจมาได้จากทุกทิศทุกทาง พวกปลาจึงจำเป็นต้องมีมุมมองที่กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยกเว้นปลาหน้าดินบางชนิดที่มีดวงตาแบบ Binocular Vision เพราะพวกมันแค่ระวังสิ่งที่อยู่ข้างบน ในขณะที่ตัวมันนอนอยู่ติดพื้นด้านล่าง

ถ้าคุณเห็นนักล่าที่มีการมองเห็นแบบ Monocular Vision ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีบางสิ่งที่อันตรายอยู่รอบตัวพวกมันเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นจระเข้ ก็มีโอกาสที่คุณจะโดนฮิปโปกัดขาดครึ่งได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ การมองเห็นแบบ Monocular Vision มีประโยชน์มากในสถานการณ์เช่นนี้

กลับมาที่ประเด็นเรื่อง “มังกร” ทำไมมังกรถึงต้องมีการมองเห็นแบบ Monocular Vision

pyrrhiccomedy กล่าวต่อไปว่า เขาได้อ่านเรื่องราวของมังกรมากมาย มังกรมีทั้งการต่อสู้กันเอง มีสงครามของพวกมัน จนกระทั่งถึงยุคอัศวินที่มาพร้อมกับอาวุธแหลมคมแวววาว

มังกรก็เหมือนปลาที่ต้องระวังมังกรตัวอื่นที่อาจมาได้จากทุกทิศทาง นอกจากนั้นคุณอาจไม่จำเป็นต้องมีการมองเห็นในเชิงลึก ถ้าคุณสามารถพ่นไฟได้ ถึงแม้ไฟที่พ่นออกมาจะไม่ใช่อาวุธโจมตีที่แม่นยำ แต่มันก็สามารถเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคุณได้ ใครจะไปแคร์ล่ะว่าเหยื่อของคุณจะอยู่ในระยะ 5 ฟุต หรือ 20 ฟุต ก็แค่เผามันให้ราบ โฉบไปมาเหนือซากปรักหักพังจนกว่าทุกสิ่งจะหยุดเคลื่อนไหว

สุดท้าย pyrrhiccomedy ได้ถามกลับไปว่า แล้วทำไมมังกรถึงต้องมีดวงตาที่อยู่ข้างหน้าด้วยล่ะ ? ถ้าคุณมีคำตอบให้กับเรื่องนี้ล่ะก็ ลองมาเสนอความคิดเห็นของคุณได้ในคอมเมนต์นะครับ

ที่มา : tumblr | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ