ในช่วงศตวรรษที่ 12 มีการบันทึกเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองวูลพิท ประเทศอังกฤษ โดนในขณะที่คนงานในฟาร์มแห่งหนึ่งกำลังเก็บเกี่ยวพืชผลในฟาร์ม พวกเขาได้ยินเสียงร้องตกใจ จึงตามไปหาต้นทางของเสียง และก็ได้พบกับเด็ก 2 คนที่ซุกขดตัวอยู่ในถ้ำ เป็นเด็กชายและเด็กหญิงที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งคู่เอาเอาแต่พูดภาษาแปลกๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ เสื้อผ้าของพวกเขาดูแปลกๆ แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือ ผิวหนังของพวกเขาเป็นสีเขียว
เด็กทั้งสองถูกคนงานพาไปที่บ้านของ ริชาร์ด เดอ คาลน์ เจ้าของที่ดินดังกล่าว พวกเขาพยายามหาอาหารและน้ำให้เด็กทั้ง 2 กิน แต่ทั้งคู่ก็ไม่กินอะไรเลย จนไม่นาน เด็กชายได้เสียชีวิตลงส่วนเด็กผู้หญิงเริ่มกินอาหารบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักดิบที่ยังไม่ได้ปรุงสุก จนกระทั่งเธอมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ
5 ปีผ่านไป เด็กผู้หญิงเติบโตขึ้น ผิวของเธอค่อยๆ กลายเป็นสีขาวเหมือนคนปกติ และหลังจากค่อยๆ เรียนภาษาอังกฤษ ทุกคนก็ต่างตกใจเมื่อได้รู้ที่มาของเธอ
เธออธิบายว่า เธอและพี่ชายของเธอมาจากที่ๆ ที่ไม่มีดวงอาทิตย์ คนที่นั่นจะมีผิวสีเขียวและอาศัยอยู่ในดินแดนที่เหมือนเป็นเวลาพลบค่ำอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเธอถูกถามว่า เธอมาที่ถ้ำได้อย่างไร เธอจำได้แค่เพียงว่า เธอและพี่ชายได้ยินเสียงดังวุ่นวายจากฝูงสัตว์ของพ่อเธอ จากนั้น พวกเธอก็เดินตามเสียงกระดิ่งจากฝูงสัตว์เข้ามาในถ้ำแห่งนี้ และก็โผล่มายังที่ถ้ำในวูลพิทโดยไม่รู้ตัว
ต่อมาเด็กสาวเติบโตขึ้นโดยเป็นคนรับใช้ของริชาร์ด แต่เธอถูกเลี้ยงอย่างป่าเถื่อนและทารุณ จนในที่สุด เธอก็แต่งงานกับชายคนหนึ่งจากคิงสลินน์ ที่อาศัยอยู่ห่างจากวูลพิทประมาณ 40 ไมล์และมีชีวิตอยู่ต่อมาอย่างปกติสุข
มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายเด็กน้อยทั้ง 2 คน เช่น พวกเขามาจากดาวอังคารบ้าง ทะลุมาจากมิติที่ 4 บ้าง หรือเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินในโลกของเรา แต่จริงๆ แล้วไม่มีใครทราบที่มาของพวกเขาได้ชัดเจน จนกระทั่งไม่นานเด็กสาวได้เสียชีวิตลง เรื่องราวดังกล่าวจึงเงียบหายไป กลายเป็นแค่ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา
ที่มา : wikipedia | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
