CIA ได้ยินเสียงประหลาดในหัว จนกลายเป็นปรากฎการณ์ที่อธิบายไม่ได้ทั่วโลก

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม 2016 เจ้าหน้าที่ CIA รายหนึ่งได้เดินทางไปยังสำนักงานสุขภาพของสถานทูตอเมริกันในฮาวานา เมืองหลวงของประเทศคิวบา เขารู้สึกมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน หูอื้อ และปวดศีรษะ หลายวันต่อมาเจ้าหน้าที่ CIA อีก 2 รายก็มีอาการที่คล้ายกัน

ในตอนนั้นเองรัฐบาลสหรัฐอ้างว่า คิวบาอาจมีแผนการทำอะไรบางอย่างกับเจ้าหน้าที่รัฐของพวกเขาจนนำไปสู่อาการแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ รัฐบาลสหรัฐจึงตัดสินใจลดจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตในคิวบาลงเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้

และมันถูกตั้งชื่อว่าเป็นอาการ “ฮาวานา ซินโดรม”

ต่อมาในปี 2017 มีผู้คนอีกมากมายรวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและบุคลากรทางทหารสหรัฐรวมถึงครอบครัวของพวกเขาต้องเจอกับอาการประหลาดนี้เช่นกัน แต่คราวนี้ไม่ใช่ที่ฮาวานา แต่เป็นพื้นที่อื่นทั้งยุโรป จีน หรือแม้แต่ในวอชิงตันดีซีเองก็ตาม

ในช่วงปลายปี 2018 มีชาวอเมริกันที่ประสบปัญหานี้เพิ่มขึ้นอีก 26 คน และชาวแคนาดา 13 คน ทุกคนมีอาการคล้ายกับและต้นเหตุของอาการนี้คือ “เสียงแปลก ๆ” ที่พวกเขาได้ยินบริเวณบ้านพักหรือในห้องพักโรงแรม

บางคนบอกว่ามันเป็นเสียงดังมาก บางคนอธิบายว่ามันเป็นเหมือนเสียงที่พุ่งตรงเข้ามายังห้องของพวกเขา และบางคนก็บอกว่ามันเป็นเสียงที่คล้ายกับลูกหินกลิ้งไปตามพื้นติด ๆ กัน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็น “เหตุการณ์ด้านสุขภาพที่ไม่สามารถอธิบายได้” ทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียพยายามตรวจสอบเหยื่อบางรายและพบว่ามีอาการคล้ายการกระทบกระเทือนที่สมอง แต่ก็ไม่พบหลักฐานว่าพวกเขาถูกกระทบกระเทือนจากอะไรกันแน่

สาเหตุความเป็นไปได้

1. คลื่นไมโครเวฟ

คลื่นไมโครเวฟถือเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยในเดือนธันวาคม 2020 ผลการศึกษาโดยคณะผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐ ได้เปิดเผยรายงานสรุปว่าการปล่อยคลื่นไมโครเวฟ “ที่มีการกำหนดเป้าหมายเฉพาะ” เป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดในกรณีของทูตในประเทศคิวบาและประเทศจีน

แต่นั่นยังไม่ใช่ข้อสรุปที่ชัดเจนที่หลายฝ่ายยอมรับ เพราะยังขาดข้อมูลอีกมากที่จะสามารถสรุปได้ว่ามันเกิดจากคลื่นไมโครเวฟจริง

2. คลื่นเสียงอัลตราซาวด์

ในเดือน 2018 เควิน ฟู และทีมนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานในการศึกษาว่า คลื่นเสียงอัลตราซาวด์โดยเฉพาะการบิดเบือนการรบกวนจากสัญญาณอัลตราโซนิกที่หูมนุษย์ไม่ได้ยินอาจเป็นสาเหตุของอาการนี้

มีข้อสันนิษฐานว่าอาการที่เกิดกับเจ้าหน้าที่สหรัฐอาจมาจากการที่ทางเจ้าหน้าที่คิวบาแอบติดตั้งเครื่องดักฟังที่อาจชำรุดหรือวางใกล้กันเกินไป แต่เจ้าหน้าที่ FBI ยังไม่พบหลักฐานที่ยืนยันถึงข้อกล่าวหานี้

3. สารกำจัดแมลงและศัตรูพืชหรือสารติดเชื้ออื่น ๆ

ในการศึกษาปี 2019 ของเจ้าหน้าที่แคนาดาระบุว่า การตรวจสอบร่างกายของเจ้าหน้าที่แคนาดาที่มีอาการนี้กว่า 23 คนพบว่าร่างกายของพวกเขามีความสอดคล้องกันทางชีวเคมี ในร่างกายได้รับสารออร์กาโนฟอสเฟต (กลุ่มของสารกำจัดแมลงและศัตรูพืช) ที่เป็นสาเหตของการบาดเจ็บที่สมอง และจากการตรวจสอบพบว่าบริเวณสถานทูตและสถานที่อื่น ๆ ในคิวบามีการฉีดพ่นสารเหล่านี้บ่อยครั้งเพื่อเป็นมาตรการควบคุมยุงไวรัสซิกา

ในขณะที่การศึกษาในปี 2020 พบว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากยังขาดหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ของพวกเขาสัมผัสกับสารกำจัดศัตรูพืชโดยตรง

4. อาการทางประสาทและอุปาทานหมู่

หลังจากมีรายงานการพบอาการนี้ในช่วงแรก ทางหน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของ FBI ได้เข้าไปตรวจสอบและพบว่าบุคคลดังกล่าวกำลังเผชิญกับอาการป่วยทางประสาทมาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว และลุกลามจนเกิดเป็นความหวาดระแวงและอุปทานหมู่ที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน แต่การศึกษาหนึ่งในปี 2020 ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่ามันใช่หรือไม่

5. เสียงจิ้งหรีด

ฟังดูอาจเป็นเรื่องตลก แต่ในปี 2018 กลุ่มนักวิจัยได้วิเคราะห์การบันทึกเสียงจากเหตุการณ์ดั้งเดิมจำนวน 8 เหตุการณ์จากทั้งหมด 21 เหตุการณ์ของฮาวานา และวิดีโอบนโทรศัพท์มือถืออีก 2 รายการที่ถ่ายโดยผู้ป่วยรายหนึ่งในคิวบา พวกเขาสรุปได้ว่าเสียงในบันทึก 8 เหตุการณ์มีความ “เป็นไปได้อย่างมาก” ที่เกิดจากแมลง

และจากการวิเคราะห์วิดีโอทั้ง 2 รายการพบว่ามันเป็นเสียงของจิ้งหรีดหางสั้นจากอินเดีย พวกมันมีเสียงดังมากอย่างไม่น่าเชื่อโดยคุณสามารถได้ยินเสียงมันจากภายในรถบรรทุกดีเซลที่วิ่งบนทางหลวงด้วยความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเสียงเหล่านี้นำไปสู่ความเจ็บป่วยของมนุษย์ได้อย่างไร

ฮาวานา ซินโดรม ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นปริศนาต่อไป

ในเคสที่โด่งดังที่สุดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 คนจู่ ๆ ก็เกิดอาการฮาวานาซินโดรมขึ้นจนทำให้เที่ยวบินของ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องเดินทางไปยังเวียดนามล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมไป 3 ชั่วโมง

ในปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากที่ถูกระบุว่ามีอาการฮาวานา โดยมีรายงานอย่างเป็นทางการถึง 750 รายที่เกี่ยวข้องกับโรคลึกลับนี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐที่ประจำอยู่ทั่วโลก

คำถามก็คือ อะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุของอาการปริศนานี้ และทำไมมันถึงเกิดกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่กันแน่

ที่มา : wikipedia | เรียบเรียงโดย เพชรมายา