โฮป ไดมอนต์ เพชรต้องสาปกับหายนะหลายร้อยปี ที่ผู้ครอบครองต้องมีอันเป็นไป

โฮปไดมอนต์ (Hope Diamond) หนึ่งในเพชรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ความงามของมันเป็นชื่อเสียงในด้านหนึ่งเท่านั้น ในอีกมุมหนึ่ง มันมี “คำสาป” ที่ใครเป็นผู้ครอบครองเพชรเม็ดนี้ มักจะต้องประสบกับการสูญเสียและบางครั้งก็เป็นอันตรายถึงชีวิต

hope-diamond

โฮปไดมอนต์ถูกพบใต้พื้นผิวโลกโดยมีอายุกว่า 1.1 พันล้านปี ตามตำนานเหยื่อรายแรกที่ต้องเผชิญกับหายนะของเพชรเม็ดนี้คือนักบวชในศาสนาฮินดู ในปี 1515 ที่ขโมยจากวัดของตนเอง เขาถูกจับและถูกทรมานจนตาย

hope-diamond-01

ต่อมา มันตำไปอยู่ในมือของพ่อค้าชาวฝรั่งเศส ฌอง-แบ็พติสต์ แวร์นีเย ผู้ที่ขายมันไปเพื่อซื้อบ้านหลังงาม แต่สุดท้ายลูกชายของเขาสูญเสียบ้านไปกับการพนัน และเขาก็ถูกหมาป่ากินในที่สุด

hope-diamond-02

นิโคลัส ฟูเก ขุนนางชาวฝรั่งเศสยืมเพชรเม็ดนี้มาจากพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ และเขาก็ถูกจับกุมในข้อหายักยอกเงินและถูกประจานในที่สาธารณะ

hope-diamond-03

ในปี 1792 เจ้าหญิงมารี หลุยส์ ของฝรั่งเศสสวมใส่เพชรเม็ดนี้เป็นประจำ ต้องเผชิญกับการสังหารหมู่ เธอถูกข่มขืนและถูกทุบตีจนตายบนท้องถนน

hope-diamond-04

อีก 2 คนที่ประสบชะตากรรมอันเลวร้าย พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกและภรรยาของเขา มารีอองตัวเนต ถูกประหารชีวิตโดยกิโยติน ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1793

hope-diamond-05

ราชินีแคทเธอรีน แห่งรัสเซีย ผู้ครอบครองเพชรเม็ดนี้ เสียชีวิตด้วยโรคลมชักในปี 1796

hope-diamond-06

เฮนรี่ โทมัส โฮป ผู้ตั้งชื่อเพชรเม็ดนี้ เขาจ่ายเงินกว่า 1.5 ล้าน เพื่อซื้อมันมา และไม่นานเขาและครอบครัวก็ต้องประสบปัญหาหนี้สินและจมอยู่กับความสิ้นหวัง

hope-diamond-07

สุลต่าน อับดุล ฮามิด ซื้อโฮป ไดมอนต์ ต่อมาในราคา 20 ล้าน และต่อมา เขาถูกยึดอำนาจโดยกลุ่มปฏิวัติยังเติร์ก

hope-diamond-08

คำสาปของมันยังมีอยู่ต่อเนื่อง เมื่อเพชรตกไปอยู่ในมือของครอบครัวแม็คคลีนชาวอเมริกัน 8 ปีต่อมา ลูกชายของเขาถูกรถชน ตัวเขาเองล้มละลายและเสียชีวิตในสถาบันทางจิต ส่วนลูกสาวของเขา เอวาลีน เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด

hope-diamond-09

สุดท้าย ในปี 1958 เจ้าของเพชรที่ชื่อว่า เฮนรี วินสตัน ตัดสินใจบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตันดีซี หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับคำสาปของเพชรเม็ดนี้อีกเลย

hope-diamond-10

ไม่ว่าเพชรเม็ดนี้จะมีคำสาปจริงๆ หรือจะเป็นแค่กลุ่มคนที่ซื้อไปบังเอิญโชคร้ายเอง แต่คงไม่มีใครยอมทุ่มเงินกว่า 6,400 ล้านบาท มาจากพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนเป็นแน่แท้

ที่มา : viralnova