เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2000 จอนห์ ไตเตอร์ (John Titor) ปรากฏตัวครั้งแรกในห้องพูดคุยสาธารณะแห่งหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต โดยครั้งแรกเขาลงทะเบียนในชื่อว่า Timetravel_0 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ John Titor ในภายหลัง โดยชื่อของ John Titor นั้นคาดว่าเป็นนามแฝง โดยเฉพาะคำว่า Titor นั้นน่าจะย่อมาจาก Time Travelor โดยเล่นคำสะกดพยางค์สุดท้ายจากคำว่า Travelor ด้วย or แทนที่จะเป็น Traveler ที่สะกดอย่างถูกต้องด้วย er
จอห์น อ้างว่าเป็นทหารที่มาจากปี ค.ศ. 2036 ด้วยเครื่องย้อนกาลเวลา (Time Machine) ที่ผลิตขึ้นในปี 2034 โดยบริษัท GE (General Electronic) และเพื่อพิสูจน์ว่า คำพูดของเขาเป็นความจริง จอห์นได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องย้อนเวลาและคู่มือการใช้งานเครื่องให้ทุกคนได้เห็น
แน่นอนว่าทุกคนที่เข้าร่วมวงสนทนาไม่มีใครเชื่อ แถมยังยิงคำถามใส่เขาต่างๆ นาๆ เพื่อจับผิดเขา แต่จอห์นก็สามารถตอบทุกคำถามได้หมด แถมยังสอนเชิงกลับคนที่มาลองภูมิเขาอีกด้วย
หลายๆ คำถามที่จอห์น ไตเตอร์ ยิงกลับมายังผู้ร่วมสนทนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เมื่อไปค้นคว้าดูในภายหลังพบว่ามันล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ชั้น สูงทั้งสิ้น อีกทั้งคำเตือนเรื่องจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสมองฝ่อ (Mad Cow Disease) ได้เกิดขึ้นจริงในปี 2001 ทำให้หลายคนชักจะลังเล
สำหรับภารกิจของจอห์น ก็คือการกลับไปยังปี 1975 เพื่อแก้ไขระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นแบบ IBM 5100 โดยเขากล่าวว่าเครื่อง IBM 5100 มี Bug และมันจะส่งผลทำให้ไม่สามารถนับเวลาข้ามผ่านปี 2038 ไปได้ (เหมือนกรณี Y2K)
นอกจากนั้น เขาได้กล่าวว่า ที่เขามาในปี 2000 นั้นเนื่องจากต้องการมาหาของสะสมส่วนตัวบางอย่างของเขาในสมัยที่เขายังเด็ก ที่เขาได้ทำหายไประหว่างเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นที่อเมริกา ที่เริ่มในปี 2004 และมันจะจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ในปี 2015 ชนวนมาจากสงครามระหว่างอิสราเอลและอาหรับ ซึ่งจะมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากกว่า 3,000 ล้านคน ส่วนคนที่เหลือรอดอยู่ จะกระจัดกระจายกันไป กลายเป็นกลุ่มชนรุ่นใหม่
ณ ตอนนี้ ถึงแม้สงครามกลางเมืองในอเมริกาจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่จอห์น ไตเตอร์ได้ทำนาย แต่ว่าทฤษฎีควอนตัมที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง ซึ่งคำทำนายของเขาอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดก็เป็นได้
ในปี 2008 นักสืบที่มีนามว่า ไมค์ ลินช์ (Mike Lynch) ได้หยิบเรื่องเกี่ยวกับไตเตอร์มาสืบค้นและพบว่า ไม่มีบุคคลนี้อยู่แล้ว แต่กลับพบเพียงแค่มูลนิธิที่มีชื่อว่า “John Titor Foundation” ที่มี CEO ชื่อว่า Larry Haber ที่มีน้องชายที่มีชื่อว่าจอห์นและเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย
จริงๆ เรื่องของ จอห์น ไตเตอร์ ยังมีรายละเอียดมากกว่านี้เยอะมาก เอาเป็นว่าถ้าใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถไปค้นหากันได้ใน Google ละกันครับ