ในที่สุด ทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบความจริงหลังจากใช้เวลาหลายปีที่งุนงงกับโครงกระดูกเล็ก ๆ ที่มีศีรษะรูปทรงกรวยและซี่โครงที่น้อยกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป
ย้อนกลับไปในปี 2003 โครงกระดูกปริศนาชิ้นนี้ถูกพบในทะเลทรายอาตากามา ในประเทศชิลี มันเป็นการค้นพบที่แปลกประหลาดที่สุดในตอนนั้น และโครงกระดูกนี้ถูกตั้งชื่อตามสถานที่ว่า “อาตา”
โครงกระดูกดังกล่าวถูกพบโดย ออสการ์ มูโญ นักล่าสมบัติที่กำลังสำรวจโบสถ์ร้างแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเหมืองร้างที่ชื่อว่าลาโนเรีย มันถูกห่อด้วยผ้าขาวผูกด้วยริบบิ้นและถูกซ่อนอยู่ในกระเป๋าหนังของใครบางคน
ถ้านี่เป็นภาพยนตร์ มันต้องเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระทึกขวัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
โครงกระดูกที่มีความยาวเพียงแค่ 6 นิ้ว หรือประมาณ 15 เซนติเมตร อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สิ่งที่แปลกก็คือกระโหลกศีรษะของมันมีรูปทรงกรวยยาวที่แปลกมาก และมีเบ้าตาที่เฉียงขึ้น แถมยังมีซี่โครงน้อยกว่ามนุษย์ปกติ เนื่องจากคนปกติจะมีกระดูกซี่โครง 12 คู่ แต่โครงกระดูกปริศนานี้มีเพียงแค่ 10 คู่เท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า มีความคาดหวังว่าโครงกระดูกนี้จะเป็นเครื่องยืนยันการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว หรือบางคนก็เชื่อว่ามันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่อาศัยอยู่บนโลกเราใบนี้
แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อายุของโครงกระดูกนี้อยู่ราว ๆ ทศวรรษ 1970 เท่านั้น นั่นทำให้ทฤษฎีสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ถูกตัดออกไป
ต่อมาได้มีการนำโครงกระดูกไปตรวจสอบ DNA และก็พบว่า 8% ของ DNA ของโครงกระดูกไม่ใช่มนุษย์ ส่งผลให้ทฤษฎีสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น
จากนั้นในปี 2018 นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในซานฟรานซิสโกและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียพบว่า โครงกระดูกดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นของทารกแรกเกิดหรือทารกที่คลอดก่อนกำหนด
ในขณะที่การศึกษาพบว่า มีภาวะทางพันธุกรรมหลายอย่างที่มีส่วนทำให้เกิดลักษณะที่ผิดปกติของกระดูก ส่งผลให้รูปทรงของกระดูกบิดเบี้ยวแตกต่างจากที่ควรจะเป็น และมันมีโอกาสมากกว่าที่เป็นโครงกระดูกของมนุษย์ต่างดาว
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องความลึกลับ ก็ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการที่ ออสการ์ มูโญ ได้นำโครงกระดูกกลับมายังประเทศสเปนในฐานะสมบัติส่วนตัวของเขา และได้ส่งโครงกระดูกดังกล่าวไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อีกมากมาย
ซึ่งหากว่าโครงกระดูกดังกล่าวเป็นของมนุษย์จริง ก็อาจมีประเด็นทางอาญามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลชิลีประณามการวิจัยนี้ โดยเน้นย้ำไปถึงความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นกับครอบครัวของทารก
ที่มา : ladbible | เรียบเรียงโดย เพชรมายา