ฝาแฝดพอลล็อก เด็กหญิงที่ถูกนำมาพิสูจน์ว่าการกลับชาติมาเกิดมีอยู่จริง

การกลับชาติมาเกิดถือเป็นความเชื่อที่อยู่ในหลากหลายวัฒนธรรมมาตั้งแต่มนุษย์ยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นชาวไวกิ้ง คริสเตียนในยุคแรก หรือชาวพุทธในยุคใหม่ แต่หนึ่งในเรื่องราวการกลับชาติมาเกิดที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 โดยเป็นเรื่องราวของฝาแฝดคู่หนึ่งที่สร้างความฉงนให้กับใครหลาย ๆ คนจนถึงปัจจุบันนี้

ฟลอเรนซ์ พอลล็อก และจอห์น สามีของเธออาศัยอยู่ในเมืองเฮกแซมอันเงียบสงบของอังกฤษ ทั้งคู่มีลูกสาว 2 คนคือ โจแอนนา พ็อลลอก วัย 11 ปีและ แจ็กเกอรีน พอลล็อก วัย 6 ปี นี่คือครอบครัวที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากครอบครัวอื่น ๆ

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1957 ในขณะที่พี่น้องพอลล็อกกำลังเดินข้ามถนนพร้อมกับเด็กคนอื่น ๆ เพื่อไปโบสถ์ แต่จู่ ๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาชนพี่น้องทั้งคู่อย่างจัง อุบัติเหตุในครั้งนี้ได้พรากชีวิตของเด็กสาวทั้ง 2 คนไป ทั้งจอห์นและฟรอเลนซ์ต่างเสียใจและจมอยู่กับความโศกเศร้า

หลังจากนั้นแค่เพียงไม่นาน ฟลอเรนซ์ก็เริ่มตั้งครรภ์และจอห์นเชื่อว่านี่อาจเป็นลูกสาว 2 คนที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่ฟลอเรนซ์มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะขนาดแพทย์ที่ตรวจครรภ์ให้เธอยังพบว่ามีเสียงหัวใจเต้นเพียงแค่ดวงเดียวเท่านั้น

แต่เมื่อฟลอเรนซ์คลอดลูกของเธอออกมาก็พบว่าเป็นเด็กหญิงฝาแฝด จอห์นร้องดีใจราวกับผู้ชนะ เขาพยายามโน้มร้าวให้ภรรยาเชื่อคำพูดของตัวเอง แต่ฟลอเรนซ์เองก็มองว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญเท่านั้น

ทั้งคู่ตั้งชื่อเด็กทั้งสองคนว่า กิลเลียนและเจนนิเฟอร์

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เจนนิเฟอร์มีปานอยู่ที่เอวและกิลเลียนก็มีปานอยู่ที่คิ้วขวา ซึ่งมันเป็นตำแหน่งเดียวกับอาการบาดเจ็บของแจ็กเกอรีนและโจแอนนาหลังจากที่ทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุ

9 เดือนต่อมา ฟรอเลนซ์ต้องการให้จอห์นลืมความขมขื่นและความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด เธอจึงขอให้จอห์นย้ายออกจากเมืองเฮกแซมไปอยู่บ้านของเธอที่เมืองเบกซ์ลีย์เบย์ ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ แต่นั่นก็แค่ช่วงที่ลูก ๆ ของพวกเขายังพูดไม่ได้เท่านั้น

3 ปีต่อมาจอห์นได้พาภรรยากับลูก ๆ ของเขากลับไปเที่ยวที่เฮกแซม เมืองที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ แต่แล้วลูกสาวฝาแฝดของเขากลับรู้ชื่อถนนแถวนั้นได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับเส้นทางลัดที่พาไปสู่โรงเรียน สนามเด็กเล่น รวมถึงบ้านเก่าของจอห์น

และที่บ้านของจอห์นนั่นเอง เด็กหญิงฝาแฝดได้พบกับตุ๊กตาที่เป็นของเล่นเก่าของโจแอนนากับแจ็กเกอรีน กิลเลียนพูดทันทีว่าตุ๊กตาหมีตัวนี้ชื่อ “เท็ดดี้” เป็นของเธอ ส่วนตุ๊กตากระต่ายชื่อ “ทอมมี่” เป็นของเจนนิเฟอร์น้องสาวเธอ

คำพูดดังกล่าวทำให้จอห์นและฟลอเรนซ์สั่นสะท้าน พวกเขายังจำได้ดีว่าลูกสาวสองคนที่จากไปตั้งชื่อตุ๊กตาแบบนี้เป๊ะ ๆ และทั้งคู่ก็เริ่มสงสัยลูกสาวตัวเองว่า “เธอจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?”

นอกจากนั้น ความชอบและรสนิยมต่าง ๆ ของทั้งคู่ก็ยังเหมือนกับพี่สาวของพวกเธอทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร หรือแม้แต่เพลงที่ชอบฟัง

ความคล้ายคลึงกันอีกอย่างก็คือ กิลเลียนจะจับดินสอเอาไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง ส่วนนิ้วอื่นจะกางออกเหมือนกับโจแอนนา และเจนนิเฟอร์จะจับดินสอเอาไว้แน่นเสมอเหมือนกับแจ็กเกอรีน

สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดในบรรดาเรื่องทั้งหมด ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับกิลเลียนตอนที่เธอยืนอยู่หน้าโรงเรียน จู่ ๆ เธอก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ถึงแม้ว่ามันจะอยู่คนละฝั่งก็ตาม

เธอบอกน้องสาวของเธอว่าให้ระวังรถคันดังกล่าวจะพุ่งเข้ามาหา ที่เหลือเชื่อก็คือรถคันนี้เป็นรถรุ่นเดียวกันกับที่พรากชีวิตพี่สาวของพวกเธอไป เหตุการณ์นี้มีพยานที่เชื่อถือได้เป็นคุณครูของเพื่อน ๆ ของพวกเธอเอง

เรื่องราวความแปลกประหลาดนี้ได้ยินไปถึงหู ดร.เอียน สตีเวนสัน นักจิตวิทยาเด็กที่กำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด และเด็กหญิงคู่แฝดก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาจากทั้งหมด 12 เคสที่เขาเคยพบมาทั้งหมด

แต่เหตุการณ์ความบังเอิญนี้ก็หายไปเฉย ๆ หลังจากเด็กหญิงเริ่มโตขึ้น พวกเธอก็หยุดแสดงพฤติกรรมเแปลก ๆ ไป ดูเหมือนว่าพวกเธอจะสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ “ชาติที่แล้ว” ไปอย่างไม่มีสาเหตุ

อันที่จริง จอห์นและฟรอเรนซ์ไม่เคยบอกลูกสาวฝาแฝดของพวกเขาเลยว่าพวกเธอมีพี่สาวมาก่อน จนกระทั่งเรื่องราวนี้กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในชุมชนตอนที่ทั้งคู่อายุได้ 13 ปี

ถึงแม้ชาวอังกฤษในยุคนั้นจะไม่ยอมรับเรื่องการกลับชาติมาเกิดสักเท่าไหร่ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องราวแปลก ๆ ที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา : boredomtherapy | steemkr | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ