Sacculina carcini เป็นเพรียงสายพันธุ์ทั่วไปที่ไม่ได้แค่เกาะติดตัวปูสายพันธุ์ต่าง ๆ เท่านั้น แต่พวกมันยัง “เปลี่ยนเพศ” ปูตัวผู้ให้กลายเป็นตัวเมียได้อย่างเหลือเชื่อ
ในขณะที่เพรียงส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งชีวิตในการเกาะติดกับโขดหินใต้น้ำหรือใต้ท้องเรือและกรองสารอาหารจากน้ำ แต่สำหรับเพรียงที่ชื่อว่า Sacculina carcini ได้พัฒนาตัวเองเป็นปรสิตที่ใช้ชีวิตเกาะติดไปกับพวกปู ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นพวกปู Green Crabs ในยุโรป
จุดเริ่มต้นวงจรปรสิตของ Sacculina carcini เริ่มต้นจากการที่ตัวอ่อนของพวกมันที่มีขนาดเล็กจิ๋วไปยึดติดกับเยื่อหุ้มผิวของขนใต้ท้องปู และฉีดหยดสารที่เรียกว่า เวอร์มิกอน (Vermigon) เข้าไปในกระแสเลือดของปู
จากนั้น หยดเหล่านี้จะเติบโตเป็นเพรียงปรสิตที่ให้โฮสต์ของพวกมันเป็นแหล่งอาหารและสถานที่สืบพันธุ์ โดยใช้วิธีการ “เปลี่ยนเพศ” ของปูเพื่อให้เป้าหมายของพวกมันสัมฤทธิ์ผล
หลังจาก 1 สัปดาห์ผ่านไป เราจะเห็นถุงที่บวมเป่งออกมาจากใต้ท้องปู ซึ่งความจริงแล้วนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรสิตเท่านั้น
ส่วนภายในของปรสิตที่โตเต็มวัยจะดูเหมือนระบบของกิ่งก้านที่คล้ายรากแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของโฮสต์ พวกมันจะได้ดูดซึมสารอาหารและเกาะติดกับระบบประสาทของปูผ่านรากเหล่านี้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของมัน
เมื่อเริ่มติดเชื้อ Sacculina carcini ปูจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลายอย่างซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมการเปลี่ยนเพศ ปูทั้งตัวผู้และตัวเมียจะไม่สามารถลอกคราบได้อีกต่อไป เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปูสร้างอวัยวะขึ้นใหม่ และทำให้พวกมันติดไปอยู่กับสัตว์อื่น
ในขณะที่ปูตัวผู้จะสูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์ พวกมันจะพัฒนาเนื้อเยื่อรังไข่ขึ้นมาแทน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอื่น ๆ เช่น ช่องท้องที่ถูกขยายให้เหมือนกับปูตัวเมีย
หลังจากนั้นเพรียงปรสิตจะวางไข่เข้าไปในถุงที่ติดอยู่กับท้องของปู ส่วนปรสิตที่เป็นตัวผู้จะเข้าไปในถุงผ่านทางรูขุมขน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ปูจะปีนขึ้นไปบนก้อนหินและสะบัดตัวไปมา เพื่อเป็นการกระจายไข่ของปรสิตให้ลงไปเติบโตใต้ท้องทะเลจนกลายเป็นวัฏจักรใหม่ต่อไป
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ปูตัวเมียจะดูแลไข่ปรสิตราวกับเป็นลูกของพวกมันเอง ส่วนปูตัวผู้จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คือช่วยปกป้องไข่และทำหน้าที่เหมือนแม่ปู และพฤติกรรมเช่นนี้จะถูกเปลี่ยนไปอย่างถาวร
นอกจากนั้น Sacculina carcini ยังถูกจัดอยู่ในประเภที่เป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์เราเช่นกัน เนื่องจากการทำให้ปูไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ทำให้เกิดการขาดแคลนแหล่งอาหารสำหรับมนุษย์เรานั่นเอง
ที่มา: odditycentral