เราคงเคยได้ยินเรื่องราวของอสูร้ายในตำนานมาบ้างแล้ว ทั้งรูปภาพ คำบอกเล่ารวมไปถึงวีดีโอที่ปรากฎภาพของสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ตำนานของบิ๊กฟุตหรือไอ้ตีนโต หนึ่งในสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ยังไม่เคยมีใครจับภาพมันได้อย่างชัดเจนสักที นอกจากวีดีโอที่เหมือนทำขึ้นมาเองโดยกลุ่มช่างภาพสมัครเล่น ซึ่งนั่นยังไม่ได้ตอบคำถามคาใจของคนทั่วโลกคือ “บิ๊กฟุตมีอยู่จริงหรือไม่ ?”
ตำนานของบิ๊กฟุตต้องย้อนกลับไปในปี 1924 บนเทือกของเซนต์เฮเลน รัฐวอชิงตันดีซี โดยเป็นเรื่องราวของ เฟร็ด เบ็ค และกลุ่มคนงานเหมืองสี่คนทำงานขุดหาทองที่หุบเขาเอพแคนยอนเหมือนดั่งเช่นทุกวัน พวกเขาทำงานที่นี่มา 6 ปีแล้วนับตั้งแต่ปี 1918 โดยอาศัยรวมกันในกระท่อมกลางป่า พร้อมด้วยเสบียงและอาวุธมากพอ เพราะบนเขาลูกนี้ยังมีสัตว์ป่าเช่นหมีอาศัยอยู่
เฟร็ดเล่าว่า พวกเขามักพบรอยแปลกประหลาดขนาดใหญ่ที่ลำธารพร้อมทั้งได้ยินเสียงหวีดร้องแปลก ๆ กลางดึกเสมอ วันหนึ่งเฟร็ดและแฮงค์หนึ่งในคนงานเหมืองออกไปต้มน้ำหลังมื้อค่ำซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน
ทุกสิ่งเหมือนปกติดี จนกระทั่งแฮงค์ได้ตะโกนออกมาพร้อมหยิบปืนของเขา ชี้ไปที่ห้วยฝั่งตรงข้ามที่ห่างไปประมาณ 100 เมตร ทำให้เฟร็ดต้องวิ่งตามไป ที่ตรงนั้นปรากฎภาพของสิ่งมีชีวิตประหลาด ยืนอยู่ใกล้ต้นสนและมองมาที่พวกเขา ร่างกายอันใหญ่โตสูงประมาณ 7 ฟุตพร้อมด้วยขนสีดำผสมน้ำตาล เมื่อมันพบพวกเขา มันจึงวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ก่อนที่แฮงค์จะยิงไปที่มัน
ทั้งคู่ระดมยิงใส่สิ่งมีชีวิตประหลาดหลายนัดจนมันหนีเข้าไปในป่า ทั้งสองจึงมุ่งหน้ากลับไปที่กระท่อมเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่พบให้คนอื่นได้ฟัง ทุกคนต่างคิดว่ามันอาจเป็นภัยร้ายต่อพวกเขาได้ จึงตัดสินใจกลับไปที่เมืองใกล้เคียงสักระยะหนึ่งก่อน แต่เนื่องจากมันมืดมากแล้ว ทำให้พวกเขาต้องรอจนถึงตอนเช้า
ขณะที่พวกเขากำลังหลับ มีเสียงดังปรากฎขึ้นด้านนอกกระท่อมของพวกเขา มันเป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนและแฮงค์ส่งเสียงตะโกนแจ้งเตือนคนอื่น ไม่ว่าสิ่งด้านนอกจะเป็นอะไร แต่มันต้องแข็งแรงมากขนาดทำให้ดินที่อุดรูบนผนังร่วงลงมาได้ คนงานทั้งหมดต่างออกมาและดูผ่านรูบนกำแพง พวกเขาพบสิ่งมีชีวิตสุดสยองด้านนอกถึง 3 ตัวด้วยกัน
พวกมันพยายามดันกำแพงกระท่อมและขว้างหินเข้ามาด้านใน เหล่าคนงานตอบโต้กลับด้วยการยิงปืนออกไป เมื่อเสียงด้านนอกสิ้นสุดลง คนงานก็หยุดยิงและเริ่มมองผ่านรูกำแพงออกไป เฟร็ดนึกว่าปลอดภัยแล้ว แต่ทันใดนั้นหนึ่งในอสูรกายได้ยื่นมือเข้ามาในกระท่อม คนงานคนอื่นพยายามตอบโต้โดยการใช้ขวาน แต่ก็ไม่ได้จังหวะที่จะทำร้ายมัน
ตลอดค่ำคืนนั้น คนงานทั้งหมดพยายามสกัดกั้นประตูไว้ เมื่อถึงรุ่งเช้าเหล่าอสูรร้ายก็จากไป เมื่อพวกเขาเห็นว่าปลอดภัยจึงได้ออกมาจากที่ซ่อน แต่กลับพบว่ายังมีอีกตัวที่อยู่ริมหน้าผา พวกเขาจงระดมกระสุนสาดใส่มันจนตกหน้าผาไป พวกเขาทั้งหมดรีบกลับไปที่เมืองและเรื่องราวที่พวกเขาเล่าก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองและทั้งประเทศ
ภาพสเก็ตช์บิ๊กฟุตของ เฟร็ด เบ็ค ที่บ่งบอกว่ามันคือมนุษย์วานรรูปร่างสูงใหญ่ และไม่เหมือนสัตว์ชนิดใดที่พวกเขาเคยพบมาก่อน
ต่อมานักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ต่างพากันเดินทางไปที่กระท่อมของพวกเขาเพื่อหาหลักฐานของสัตว์ร้าย แต่พวกมันก็ไม่เคยปรากฎตัวออกมาอีกเลย กระทั่งเวลาล่วงเลยมานับศตวรรษ จนมีวีดีโอที่ทำให้เราได้เห็นภาพของบิ๊กฟุตเป็นครั้งแรกในปี 1967
ที่ชายฝั่งถัดจากเอพแคนยอน บ็อบ กิมลินและโรเจอร์ แพตเตอสัน ควบม้าออกไปตามป่า เพื่อทดสอบกล้อง 16 มม.ของพวกเขาที่เพิ่งเช่ามา พวกเขากลับบังเอิญได้พบกับสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานเข้าและได้จับภาพวีดีโอจับภาพของมันได้เพียงไม่กี่นาที วีดีโอดังกล่าวได้ชื่อว่า “แพตเตอสัน-กิมลิน ฟิล์ม” และทำให้พวกมีชื่อเสียง ตลอดเวลาหลายปีเรื่องราวของพวกเขาสร้างข้อถกเถียงและโต้แย้งมานานกว่าศตวรรษ ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นของจริงหรือสิ่งที่ทั้งคู่สร้างขึ้นมากันแน่ แพตเตอสันยืนยันหนักแน่นว่าวีดีโอที่เขาพบเป็นของจริง จนกระทั่งเขาเสียชีวิตไปในปี 1972
หลังจากนั้นหลายปี มีทฤษฎีมากมายที่บอกว่า ฟิลิป มอริสและบ็อบ เฮียโรนิมุส คือคนที่สร้างชุดกอลิล่าให้กับแพตเตอสัน และเป็นตัวกิมลินเองที่ใส่ชุดดังกล่าวเพื่อให้แพตเตอสันถ่ายทำ นับได้ว่ามันคือวีดีโอที่ทำให้ทั่วโลกต่างตกตะลึง แต่กลับกลายเป็นเรื่องลวงโลกระดับนานาชาติไปแล้ว
คลิปวีดีโอแพตเตอสันและกิมลิน ทำให้ชื่อเสียงของเอพแคนยอนและบิ๊กฟุตกลายเป็นตำนานพื้นเมืองของอเมริกาไปตลอดกาล และถึงแม้เรื่องบิ๊กฟุตจะมีแนวโน้มว่าเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ก็มีนักปีนเขาหลายคนที่อ้างว่าพบเจอกับบิ๊กฟุตตัวเป็น ๆ ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายของนักปีนเขาคนหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ 1970
ภาพสเก็ตช์ของ ริชาร์ด บราวน์ ที่วาดสิ่งที่เขาเห็นจากไฟหน้ารถยนต์ที่สาดส่องบนไปบนท้องถนนในเมืองเดอะดัลส์ ในเดือนมิถุนายน 1971
แต่ถึงแม้จะมีหลักฐานปรากฏมาอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มีใครที่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอจะระบุการมีอยู่ของบิ๊กฟุตได้จริง จนทุกวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าภาพวีดีโอที่เราเห็นล้วนแล้วแต่ไม่น่าเชื่อถือทั้งสิ้น เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ก็คงยังเป็นตำนานต่อไป หรือแท้จริงแล้วมันอาจไม่มีตัวตนอยู่ก็เป็นได้
ที่มา : boredomtherapy | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ