7 ปริศนาลึกลับที่โด่งดังของโลก ที่แท้จริงถูกเฉลยไปนานแล้ว ภาค 3

ภาค 3 มาตามสัญญา ส่วนใครไม่ได้ชมภาค 1-2 ไปชมต่อได้ที่ลิงก์ท้ายบทความครับ

บนโลกเราใบนี้มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับปริศนาลึกลับที่ยังถูกกล่าวอ้างว่า “ยังไม่มีคำตอบทางวิทยาศาสตร์” ซึ่งถูกเล่าขานสืบต่อกันมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นเรื่องที่โด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปริศนาบางอย่างที่เราคิดว่าลึกลับนั้นถูกเฉลยไปนานแล้ว

วันนี้เพชรมายาจะหยิบยกปริศนาที่คุณคิดว่ายังไม่ถูกไขเหล่านี้มาเฉลยให้คุณได้อ่านกันว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร

1. วิดีโอบิ๊กฟุตของ Patterson-Gimlin

คุณอาจเคยชมฟุตเทจสารคดึสั้นที่มีความยาวเพียงแค่ 1 นาทีที่มีชื่อว่า Patterson-Gimlin ในปี 1967 ที่ถูกถ่ายได้โดย โรเจอร์ แพตเตอร์สัน และ บ๊อบ กิมลิน โดยเป็นภาพของ “บิ๊กฟุต” ตัวเป็น ๆ ที่ปรากฎตัวขึ้นทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และมันกลายเป็นฟุตเทจที่โด่งดังที่สุดที่ถูกใช้พิสูจน์ว่าบิ๊กฟุตมีอยู่จริง

อย่างไรก็ตามในหนังสือของ เกรก ลอง ในปี 2004 ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง ชายคนหนึ่งนามว่า บ๊อบ เฮโรนิมัส เป็นผู้ออกมายอมรับว่าเขาเป็นคนที่สวมชุดบิ๊กฟุตนั้น โดยมีการตกลงค่าตัวกันที่ 1,000 เหรียญ ซึ่งมันเป็นเงินที่เยอะมาก และเขาคิดว่ามันเป็นแค่การแสดงไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงชาวโลกแต่อย่างใด

สุดท้าย บ๊อบ เฮโรนิมัส ไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างนี้ แต่เขาไม่กล้าทวงเงินเพราะหลังจากที่ฟุตเทจนี้โด่งดังอย่างมาก เขาก็กลัวว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต้มตุ๋น ซึ่งแพตเตอร์สันวางแผนนี้ไว้เพื่อหวังที่จะหาเงินให้กับครอบครัวของเขาเนื่องจากตัวเขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง

2. เรือซานตา มาเรีย ของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่สาบสูญ

ย้อนกลับไปในปี 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินทางชื่อดังได้บันทึกตำแหน่งของซากปรักหักพังของเรือ ซานตา มาเรีย ที่เขาใช้เดินทางเอาไว้ และนักประวัติศาสตร์ก็พยายามค้นหามันอยู่หลายปีแต่ไม่เป็นผล หลายคนคิดว่ามันกลายเป็นเรือที่สาบสูญ

จนกระทั่งปี 2003 เมื่อทีมนักโบราณคดีนำโดย แบร์รี คลิฟฟอร์ด ได้ค้นพบเรือลำหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเรือซานตา มาเรีย ซึ่งพวกเขาใช้เวลานานกว่า 10 ปี เพื่อระบุว่ามันคือเรือในตำนานจริง ซึ่งในปี 2014 หลักฐานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายที่ถูกบันทึกโดยโคลัมบัส รายละเอียดอย่างปืนใหญ่และจุดที่เสียหาย ก็ทำให้ระบุได้ว่าน่าจะเป็นเรือ ซานตา มาเรีย ของจริง

3. ทฤษฎีสมคบคิดเมฆพิษ Chemtrails 

มีทฤษฎีเกี่ยวกับเมฆลักษณะแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าโดยมันถูกเรียกว่า Chemtrails เมฆพิษฝีมือรัฐบาลสหรัฐที่เกิดจากการใช้เครื่องบินไอพ่นปล่อยสารเคมีบางอย่างออกมาบนท้องฟ้า มีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสาเหตุของการปล่อยสารเคมีนี้ เช่น ใช้เพื่อควบคุมสภาพอากาศได้ ใช้เพื่อทดสอบสารเคมีอันตรายกับมนุษย์ ใช้เพื่อกำจัดคนป่วยและคนอ่อนแอไปจากประเทศ รวมถึงใช้เพื่อการควบคุมจิตใจ หรือแม้แต่การทำให้ผู้คนเป็นหมัน

ในความเป็นจริงแล้ว Chemtrails ก็คือ Contrails เมฆที่เกิดขึ้นจากไอน้ำในอากาศกลั่นตัวและจับตัวเป็นน้ำแข็งรอบ ๆ ละอองลอยที่เกิดจากการปล่อยไอเสียของเครื่องบิน ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ทุกที่บนโลก ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

4. เรือผีสิงสุดสยอง อูรังเมดัน 

ย้อนกลับไปในปี 1952 หน่วยยามชายฝั่งของสหรัฐได้เปิดเผยเรื่องราวหนึ่งที่อ้างอิงไปถึงหนังสือพิมพ์ของ ดัตช์-อินโดนีเซีย ที่รายงานว่ามีเรืออเมริกัน 2 ลำได้รับวิทยุแจ้งเข้ามาจากเรือที่ชื่อว่า อุรังเมดัน (SS Ourang Medan) เป็นรหัสมอร์สว่า “เราลอยอยู่ เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงกัปตันเสียชีวิตในห้องบังคับการและบนสะพาน บางทีอาจจะลูกเรือทั้งหมดด้วย”

จากนั้นไม่นาน เรือซิลเวอร์สตาร์ของสหรัฐได้พบกับเรืออุรังเมดันและปรากฎว่าไม่มีใครรอดชีวิตบนเรือลำนี้ พวกเขาอ้าปากค้าง ตาเหลือกจ้องมองขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยความกลัว หลังจากนั้นเรือลำนี้ก็เกิดไฟไหม้และจมลงสู่ก้นทะเล

อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น เรืออูรังเมดันไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่แรก ไม่เคยมีการจดทะเบียนเรือชื่อนี้หรือบันทึกการเดินเรือลำนี้ในประเทศใด ๆ บนโลก และบันทึกการเดินเรือของซิลเวอร์สตาร์ก็ไม่พบว่าพวกเขามีความพยามช่วยเหลือเรือใด ๆ มาก่อน

5. เส้นนัซกา ปริศนาลายเส้นลึกลับของเปรู

เส้นนักซาเป็นภาพวาดบนพื้นดินที่เรียกว่าจิโอกริฟโดยมีขนาดมหึมา มันเป็นลายเส้นที่ถูกขุดลึกลงไปจากพื้นดินเพียงเล็กน้อย โดยปกคลุมพื้นที่กว่า 520 ตารางกิโลเมตรบนทะเลทรายนัซกา ประเทศเปรู

เส้นนัซาคาดว่าจะมีอายุประมาณ 2,200 ถึง 2,500 ปีมาแล้ว และอาจถูกสร้างมาเพื่อการทำพิธีกรรมทางศาสนา แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยคือคนโบราณในยุคนั้นสามารถวาดเส้นเหล่านี้ให้มีความเป๊ะได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่มีเครื่องบิน บางคนก็เชื่อว่าพวกเขาอาจได้รับความช่วยเหลือจากอารยธรรมที่สูงส่งกว่ามนุษย์ในยุคนี้

ปัจจุบันนักวิจัยพบว่าชาวนัซกาน่าจะใช้วิธีการดึงเชือกยาว ๆ มาทำเป็นเส้น หลังจากที่พวกเขาพบเสาไม้ในพื้นที่ดังกล่าวที่ตรวจสอบแล้วมีอายุย้อนกลับไปถึงในยุคนั้น นอกจากนั้น ดร.โจ นิกเคลล์ ได้ใช้วิธีนี้ทดลองทำเส้นนัซกาดูและทีมของเขาก็ประสบความสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นในการสร้างลวดลายนกยักษ์แบบนี้

6. ฝนเลือดปริศนาแห่งรัฐเกรละ

ในฤดูร้อนปี 2001 มีปรากฎการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในรัฐเกรละ ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย เมื่อชาวบ้านพบว่ามีฝนตกเป็นสีแดงที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานถึง 2 เดือนเต็ม มันย้อมผ้าสีขาวของชาวบ้านให้กลายเป็นสีแดง นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ายังมีฝนสีอื่น ๆ เช่น สีเหลือง เขียว และดำอีกด้วย ซึ่งการค้นพบฝนเลือดครั้งแรกในรัฐเกรละเกิดขึ้นตั้งแต่ในปี 1818 และเกิดต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง

ส่วนชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นเรื่องของอาถรรพ์ แต่จากผลการตรวจสอบของรัฐบาลอินเดียพบว่า ฝนเกิดสีต่าง ๆ มาจากสปอร์ในอากาศที่มาจากสาหร่ายสีเขียวชนิดหนึ่ง ต่อมาทีมนักวิจัยต่างประเทศได้ระบุสายพันธุ์ของมันว่าคือ Trentepohlia annulata

7. กองทัพที่สาบสูญของพระเจ้าแคมบีซิสที่สอง

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2,544 ปีก่อน พระเจ้าแคมบิซิสที่สอง กษัตริย์แห่งเปอร์เซียได้ส่งกองทัพของเขาข้ามทะเลทรายไปยังอียิปต์เพื่อสั่งสอนวิหารเทพพยากรณ์ในโอเอซิสที่ไม่ยอมแต่งตั้งเขาเป็นฟาโรห์ ถึงแม้ว่าเขาจะพิชิตอียิปต์และปกครองดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ทหารกว่า 50,000 นายที่ถูกส่งข้ามดินแดนทะเลทรายไปกลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครได้พบเห็นพวกเขาอีกจนกลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานสืบมา

แต่เมื่อไม่นานมานี้ แองเจโล และ อัลเฟรโด คัสติลิโอนี สองพี่น้องนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีได้ค้นพบว่า กองทัพในตำนานของเปอร์เซียต้องต่อสู่อย่างหนักมาตลอด 13 ปี และพวกเขาไม่ได้หายไปไหน แต่ต้องจบชีวิตจากพายุทะเลทรายที่รุนแรงนั่นเอง

สามารถติดตามภาค 1 ย้อนหลังได้ ที่นี่ และภาค 2 ที่นี่

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

หรือติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ