อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า วากิว (ที่แปลว่าเนื้อวัว) เป็นเนื้อวัวที่ได้มาจากวัว 4 สายพันธุ์ของญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นคือลวดลายไขมันที่เรียกว่า ‘ลายหินอ่อน’ แทรกข้างในเนื้ออย่างสวยงาม ซึ่งวัวแต่ละสายพันธุ์ของญี่ปุ่นก็ให้เนื้อวากิวที่แตกต่างกันไป
แต่หนึ่งในสุดยอดเนื้อวากิวที่ถูกยอมรับว่าหายากมากที่สุดนั่นคือ โอลิฟวากิว (Olive Wague)
จุดเริ่มต้นของโอลีฟวากิวมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเกาะโชโดชิมะ ในจังหวัดคางาวะของญี่ปุ่น ที่รู้จักกันในนาม ‘เกาะมะกอก’ เนื่องจากเกาะแห่งนี้เป็นถิ่นกำเนิดการเพาะปลูกมะกอกเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น เนื่องจากมีภูมิอากาศที่แห้งคล้ายคลึงกับแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปตอนใต้
นอกจากนั้น บนเกาะโชโดชิมะยังเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงวัวเนื้อวากิวมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จนกระทั่งมีชาวนาท้องถิ่นคนหนึ่งคิดหาวิธีนำมะกอกมาผสมผสานกับอาหารของวัว แต่ปัญหาคือวัวไม่สามารถทนต่อรสขมของมะกอกได้
มาซากิ อิชิอิ ชาวนาจากเกาะโชโดชิมะ รู้สึกท้อแท้กับปริมาณกากมะกอกจำนวนมากที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตน้ำมันมะกอกทุกปี และด้วยความที่มันอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เขาจึงต้องการนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้
ในฐานะที่มาซากิเป็นเจ้าของฟาร์มวัว เขาพยายามนำกากมะกอกมาให้วัวรับประทาน แต่นั่นเป็นความคิดที่แย่มาก วัวไม่กินอาหารแปลก ๆ เหล่านี้ เนื่องจากมะกอกดิบมีเนื้อสัมผัสที่แปลกประหลาดรวมถึงมีรสขม แต่มาซากิไม่เคยละความพยายาม เขาเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้กากมะกอกมีรสชาติอร่อยขึ้น
จากการลองผิดลองถูกมาพักใหญ่ มาซากิพบว่าการนำไปปิ้งนิด ๆ นำไปตากให้แห้ง และกดกากมะกอกเบา ๆ เพื่อดึงเอาน้ำตาลธรรมชาติออกมา ทำให้กากมะกอกมีรสชาติที่ดีขึ้นได้
จุดประสงค์ของมาซากิเพียงแค่ต้องการกำจัดกากมะกอกที่เหลือทิ้งให้นำไปใช้ประโยชน์ได้โดยที่เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่า รสชาติของเนื้อวัวของเขาจะเปลี่ยนไป ผู้คนที่ลิ้มรสชาติเนื้อวากิวของเขารู้สึกว่า รสชาติ ‘อูมามิ’ ของเนื้อมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น และสเต็กเนื้อวากิวของเขาก็อร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้น แต่มะกอกยังส่งผลต่อลวดลายหินอ่อนของเนื้ออีกด้วย ลายหินอ่อนของเนื้อวากิวถือเป็นมีอยู่เสียงอยู่แล้วในหมู่นักทานเนื้อทั่วโลก แต่โอลีฟวากิวกลับมีลายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนทำให้เนื้อวากิวเนียนนุ่มขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ โอลีฟวากิวจึงได้รับฉายาว่าเป็นเนื้อวากิวที่หายากที่สุดในโลก เนื่องจากมีวัวที่ถูกเลี้ยงด้วยมะกอกเพียงแค่ 2,200 ตัวบนโลกเท่านั้น จึงทำให้โอลีฟวากิวจึงหายากมาก ๆ แม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็ตาม และไม่ต้องนับรวมถึงส่วนที่เหลือของโลก มีรายงานระบุว่าเจ้าของร้านอาหารจำนวนมากในญี่ปุ่นก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
ส่วนราคาของมันก็แพงตามความหายาก โดยร้าน Crowd Cow เป็นบริษัทเดียวในสหรัฐอเมริกาที่จำหน่ายโอลีฟวากิว โดยคุณสามารถหาเนื้อริบอาย A5 บนเว็บไซต์ของพวกเขาในราคา 240 เหรียญต่อปอนด์ (ราว 8,000 บาท) ส่วนที่ร้านอาหารคุณสามารถพบมันได้ในเมนูในราคาเกือบ 500 เหรียญต่อสเต็ก 1 ชิ้น (ราว 16,500 บาท)
เปรียบเทียบเนื้อวากิว A5 กับเนื้อโอลีฟวากิว A5 ที่มีราคาแพงกว่าพอสมควร
ถ้าใครที่เป็นสายเนื้อตัวจริงต้องหาโอกาสไปลองโอลีฟวากิวให้ได้สักครั้งในชีวิต โดยคุณสามารถหาได้จากร้านอาหารบางส่วนในเมืองทากามัตสึและบริเวณใกล้เคียงเกาะโชโดชิมะ
ที่มา : odditycentral | olivefedbeef | instagram | เรียบเรียงโดย เพชรมายา