ถ้าหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนรักสัตว์แล้วล่ะก็ แต่มันอาจเทียบไม่ได้เลยกับชายผู้นี้ที่สละทั้งชีวิตของเขาเพื่อดูแลสัตว์ที่เขารัก
ย้อนกลับไปในปีทศวรรษ 1980 หลัว หยิงจิว ชายในมณฑลหูเป่ยของจีนเริ่มซื้อสัตว์เลี้ยงและนำพวกมันมาเลี้ยงเอาไว้ที่บ้านเขาไม่ได้ซื้อสัตว์ที่ดูน่ารัก สวยงาม แต่เขาเลือกที่จะช่วยเหลือสัตว์ป่วยและไม่สมประกอบที่ไม่มีใครเอามาเลี้ยงเอาไว้ เนื่องจากทนไม่ได้ที่เห็นพวกมันถูกขังอยู่ในกรงวางขายตามท้องถนน
นายหลัวตัดสินใจซื้อสัตว์เหล่านี้กลับมาดูแลที่บ้าน และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พวกมันกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง สัตว์ที่สามารถฟื้นตัวกลับมาหายดีได้ เขาจะปล่อยมันกลับคืนสู่ธรรมชาติ แต่บางตัวก็ไม่ได้โชคดีแบบนั้น และนายหลัวก็ต้องคอยอยู่ดูแลพวกมันอย่างต่อเนื่อง
หลายปีต่อมา นายหลัวได้กลายเป็นข่าวในเมืองเอินซีที่เป็นบ้านเกิดของเขา สื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่าเขาเปลี่ยนบ้านของตัวเองให้เป็นที่พักพิงของสัตว์ที่ไม่มีใครต้องการ
ในที่สุดเขาได้รับการติดต่อจากรัฐบาลท้องถิ่น การดูแลสัตว์จำนวนมากในบ้านของเขาถือว่าไม่ถูกสุขอนามัยและเป็นปัญหาสำหรับผู้อยู่อาศัยในย่านนี้
ดังนั้นรัฐบาลท้องถิ่นจึงเสนอเงินช่วยเหลือแก่เขาเพื่อสร้างที่พักพิงสำหรับสัตว์ที่เหมาะสม และนั่นคือที่มาของ “สวนสัตว์ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก”
สวนสัตว์ขนาดเล็กของนายหลัวจึงเกิดขึ้น โดยตั้งอยู่ในวนอุทยานเขาฟินิกซ์ ทางตอนกลางของมณฑลหูเป่ย ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมอย่างเป็นทางการในปี 1989
ในยุคหนึ่ง สวนสัตว์ของนายหลัวมีสัตว์ที่หายากมากขึ้น แต่ทั้งหมดต่างไม่ใช่สัตว์ที่มีร่างกายสมบูรณ์ รวมถึงเสือที่ถูกตัดหางและสิงโตที่มีขนร่วงจนเกือบหมด
แต่สวนสัตว์ของเขาไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในทางตรงกันข้าม มันเหมือนกับศูนย์พักพิงของสัตว์ที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ทุกรูปแบบ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว ไม่มีใครอยากมาชมสภาพสัตว์ที่น่าหดหู่เหล่านี้
กลับมาที่ปัจจุบัน นายหลัวในวัย 81 ปี ต้องคอยดูแลสวนสัตว์ที่สามารถขายตั๋วเฉลี่ยได้เพียงแค่ 1 ใบต่อวันเท่านั้น ถึงแม้ว่าราคาตั๋วของที่นี่จะเพียงแค่ 10 หยวน หรือประมาณ 50 กว่าบาทก็ตาม
ดังนั้น เขาจึงต้องบริหารสวนสัตว์แห่งนี้ด้วยเงินบำนาญรายเดือนของเขาประมาณ 3,000 หยวน หรือประมาณ 15,000 บาท เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ซื้อาหารและยาสำหรับสัตว์ ส่วนตัวเขาเองใช้เงินที่เหลือเพียงน้อยนิด
มีผู้คนมากมายที่แนะนำให้เขาปิดสวนสัตว์ และใช้ชีวิตของเขาที่เหลืออย่างสุขสบาย แต่นายหลัวตอบว่า “มันไม่ใช่แค่สวนสัตว์เท่านั้น แต่มันยังเป็นศูนย์พักพิงของสัตว์อีกด้วย”
“ถ้าสวนสัตว์ปิด สัตว์เหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหน พวกมันไม่สามารถอยู่รอดในป่าด้วยซ้ำไป” นายหลัวกล่าว
สำหรับสัตว์ที่เขาต้องดูแลตอนนี้มีทั้งสุนัขที่ถูกทิ้ง ม้า ลิง รวมถึงหมีดำที่มีอุ้งเท้าเพียงข้างเดียว สัตว์บางตัวที่เสียไปแล้วถูกนำไปฝังอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ เขาสามารถจดจำสัตว์ทุกตัวที่เขาเคยดูแลได้ไม่เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
“สัตว์และมนุษย์เกิดมาเท่าเทียมกัน” นายหลัวกล่าว “เราควรเคารพสิทธิในการอยู่รอดของสัตว์ เคารพในความเมตตาของสัตว์ที่มีต่อโลกนี้”
โชคดีที่หลานสาวของนายหลัวช่วยเปิดบัญชีบน Bilibili แพลตฟอร์มวิดีโอของจีน เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากได้เข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับสวนสัตว์ที่เปรียบเสมือนศูนย์พักพิงแห่งนี้ รวมถึงชายผู้ทุ่มเทดูแลสัตว์ที่ไม่มีใครต้องการมานานกว่า 33 ปี และนั่นทำการรับรู้ของผู้คนต่อสวนสัตว์แห่งนี้เปลี่ยนไป
“ผมเป็นคนพื้นเมืองเอินซี และทำงานที่เมืองอื่น ผมเคยไปสวนสัตว์นี้ตอนยังเด็กและคิดว่าสวนสัตว์แห่งนี้กำลังโกงเงินของเราโดยเอาสัตว์ป่วยมาแสดง ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าเรื่องราวเบื้องหลังจะน่าประทับใจขนาดนี้” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว
“ครั้งหน้าที่ผมกลับไปบ้านเกิด ผมจะไปสวนสัตว์แห่งนี้อีกครั้ง ผมขอให้คุณตามีสุขภาพแข็งแรงและหวังว่าสถานการณ์ของเขาจะดีขึ้น”
หลังจากนี้ สวนสัตว์ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกอาจเปลี่ยนไป รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคุณตาและสัตว์ต่าง ๆ จะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา