บนโลกใบนี้มีสถานที่ทางธรรมชาติสวยๆ แปลกๆ เจ๋งๆ มากมาย ซึง่น้อยคนนัก จะรู้จักสถานที่เหล่านี้ไปหมดทุกที่ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่รักการผจญภัยล่ะก็ วันนี้เพชรมายาจะขอพามารู้จักสถานที่ทางธรรมชาติสุดอัศจรรย์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้เลยว่า สถานที่เหล่านี้มันมีอยู่จริงบนโลกด้วย
1. The Wave – อริโซนา , สหรัฐอเมริกา
เป็นรูปแบบของเนินหินทรายที่มีลวดลายสวยงามคล้ายคลื่นลาดชัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก และเนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ค่อนข้างเปราะบาง ทางรัฐบาลจึงจำกัดให้มีการเข้าชมได้เพียงแค่ 10 คนต่อวันเท่านั้น
2. Beauty Pool – อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน, สหรัฐอเมริกา
บ่อน้ำพุร้อนที่เชื่อมต่อกับบ่อน้ำพุร้อนโครมาติก โดยระดับน้ำของบ่อน้ำพุร้อนทั้งสองแห่งนี้จะสัมพันธ์กัน หากบ่อไหนน้ำขึ้นสูง อีกบ่อก็จะลดลง ดังที่เห็นในภาพทางด้านขวา
3. Moeraki Boulders – นิวซีแลนด์
หินยักษ์โมรากิ ที่กระจัดกระจายอยู่บนชายหาด Koekohe เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นบนพื้นมหาสมุทรก่อนที่มันจะถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่ง โดยหินแต่ละก้อนจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ครึ่งเมตรไปจนถึง 3 เมตร ด้วยลักษณะที่สวยแปลกแบบนี้ จึงทำให้มันถูกตั้งชื่อว่าเป็น หินไข่ไดโนเสาร์
4. Sailing Stones – อุทยานเดธวัลเลย์, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
รู้จักกันดีในชื่อ “หินเดินได้” ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าทำไมหินที่อยู่ที่นี่ จึงสามารถเคลื่อนที่ไปได้เอง โดยสามารถเห็นได้ชัดจากร่องรอยที่ถูกลากไปตามพื้นดิน ซึ่งหินแต่ละก้อนมีน้ำหนักมากถึง 700 ปอนด์เลยทีเดียว แต่หินเหล่านี้ 2-3 ปี จะเคลื่อนที่สักครั้ง จึงเป็นการยากที่จะหาสาเหตุการเคลื่อนที่ของหินเหล่านี้
5. The Pinnacles – อุทยานแห่งชาตินัมบัง, ออสเตรเลียตะวันตก
โครงสร้างหินปูนทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ แต่ละแท่งมีความสูงราว 5 เมตร โดยมีอายุราว 25,000 – 30,000 ปีมาแล้ว โดยเกิดหลังจากที่ระดับน้ำทะเลลดลง และทิ้งพวกเปลือกหอยเอาไว้ ซึ่งกลายมาเป็นส่วนประกอบหลักในแท่งหินปูนยักษ์เหล่านี้
6. Crater Lake – โอเรกอน, สหรัฐอเมริกา
ปากปล่องภูเขาไฟ Mount Mazama ที่ดับสนิทแล้ว จนกลายเป็นทะเลสาบที่ก่อตัวขึ้นราว 7,700 ปีก่อน ถึงแม้ทะเลสาบแห่งนี้จะไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่มันก็ชดเชยด้วยน้ำฝนและหิมะ โดยทะเลสาบแห่งนี้มีความลึกถึง 1,949 ฟุต ถือเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในอเมริกา และเป็นอันดับ 10 ของโลก แต่ถ้านับความลึกโดยเฉลี่ยจะเป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว
7. Elephant Rock – วัลเลย์ ออฟ ไฟร์ สเตท ปาร์ค, เนวาดา, สหรัฐอเมริกา
ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นคือ หินรูปทรงขนาดใหญ่มาก ที่มีลักษณะคล้ายกับช้าง ถือเป็นแลนด์มาร์คยอดนิยมของเนวาดา และไปอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Total Recall, Transformers และ Star Trek
8. Balls Pyramid – เกาะลอร์ด โฮเว, นิว เซาท์ เวลส์, ออสเตรเลีย
เป็นเศษซากส่วนที่เหลือจากภูเขาไฟเมื่อประมาณ 6.4 ล้านปีก่อน โดยมีความสูงถึง 1,844 ฟุต ซึ่งทำให้มันกลายเป็นภูเขาหินในทะเลที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งมีแหล่งชีววิทยาแปลกๆ อย่างแมลงยักษ์ ทรี ล็อบสเตอร์ ที่หลายๆ คนคิดว่าสูญพันธุ์ไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ก็ยังถูกพบที่นี่อีกด้วย
9. Lake Hillier – ออสเตรเลียตะวันตก
ทะเลสาบที่มีน้ำสีชมพูสวยงาม ที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจกับเหตุผลของการเกิดสีชมพูของมัน แต่คาดว่าเกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า Dunaliella ที่อยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก โดยมันจะผลิตสารสีแดงเพื่อใช้ในการดูดซับแสงอาทิตย์ นั่นจึงทำให้น้ำในทะเลสาบเปลี่ยนเป็นแดงอ่อนๆ ซึ่งเวลาที่กระทบแสงแดดจึงเห็นเป็นสีชมพู
10. Great Blue Hole – เบลีซ
หลุมใต้น้ำขนาดยักษ์ บริเวณชายฝั่งของประเทศเบลีซ ในอเมริกากลาง โดยอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแนวปะการังไลท์เฮาส์ โดยมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 300 เมตร และลึกถึง 124 เมตร จากการวิเคราะห์หินงอกหินย้อยในหลุมแห่งนี้ พบว่ามันก่อตัวขึ้นหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วง 153,000 : 66,000 : 60,000 และ 15,000 ปีผ่านมา
11. Badwater Basin – แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบเกลือ ที่เป็นจุดต่ำที่สุดบนทวีปอเมริกาเหนือ โดยพื้นที่แห่งนี้ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 282 ฟุต แถมยังมีอากาศร้อนนรกแตก โดยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2013 เควิน มาร์ติน นักอุตุนิยมวิทยาอิสระ บันทึกอุณหภูมิที่นี่ได้สูงถึง 57.5 องศา ซึ่งสูงกว่าสถิติโลกอย่างเป็นทางการ ที่บันทึกไว้ได้ที่ 56.6 องศา ที่เฟอร์เนซ ครีก, แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นสถิติตั้งแต่ปี 1913
12. Tsingy – อุทยานแห่งชาติอันคารานา, มาดากัสการ์
แนวชั้นหินปูนที่มีอายุกว่า 150 ล้านปี ตั้งแต่ยุคจูลาสสิก เรียงกันเป็นชุดอย่างสวยงามน่าอัศจรรย์ พร้อมกับระบบถ้ำและเครือข่ายแม่น้ำใต้ดิน ทำให้บางส่วนของพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยจระเข้
13. The Champagne Pool – ไวโอทาปู, นิวซีแลนด์
บ่อน้ำพุร้อนที่มีสีสันสวยงาม และมีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พื้นดินจึงทำให้มันมีอุณหภูมิพื้นผิวถึง 74 องศาเซลเซียส แถมมันยังปล่อยฟองอากาศที่เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คล้ายกับฟองของแชมเปญ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้
14. Tufa Pinnacles – ทะเลสาบโมโน, เซียรา เนวาดา, สหรัฐอเมริกา
หินปูนรูปทรงประหลาดที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบโมโน ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ และบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ก้นทะเลสาบ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการตกตะกอนของหินปูนในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย และหลายเป็นรูปร่างอย่างที่เห็นนี้
15. Bryce Amphitheatre – อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน, ยูทาห์, สหรัฐอเมริกา
ลักษณะของหินปูนที่ก่อให้เกิดเป็นเสา ที่ชาวอินเดียนเรียกว่า “หินแดง” ซึ่งก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 6 ล้านปีที่แล้ว ในขณะที่แผ่นดินบริเวณนี้ยังจมอยู่ใต้น้ำ และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก แผ่นดินยกตัวขึ้น จึงทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงจนกลายเป็นเสาหินรูปทรงแปลกๆ มากมายในหุบเขา
16. The Puente del Inca – อาร์เจนตินา
สะพานหินธรรมชาติที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีส้มและสีเหลือง ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียที่ถูกสร้างโดยกำมะถันจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่ครอบคลุมกำแพงหินเอาไว้
17. Rainforest sinkhole – อุทยานแห่งชาติจาอู-ซาริซารินามา, เวเนซูเอล่า
หลุมขนาดใหญ่ที่กว้างถึง 350 เมตรและลึก 350 เมตร และโดยมันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชมากมายหลายชนิด ในเรื่องของการท่องเที่ยว ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ๆ เข้าถึงยากมาก เพราะมันอยู่บนภูเขาที่ห่างไกลผู้คนมากที่สุดในอเมริกาใต้ วิธีการเข้าถึงง่ายที่สุดก็คือการพายเรือแคนูเข้าไป แต่นั่นก็อาจต้องใช้เวลาถึง 4-5 วันเลยทีเดียว
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : klyker | เรียบเรียงโดย เพชรมายา