แม้ว่าว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้จะก้าวล้ำไปไกล แต่ยังมีหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับโลกที่แสนสวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ใบนี้ มันทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดียังคงตื่นเต้นเสมอเมื่อพบกับหลักฐานแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม เมื่อสามทศวรรษก่อน ทีมนักโบราณคดีได้ค้นพบโครงข่ายถ้ำบนยอดเขาโอเว่นในนิวซีแลนด์ ที่ซึ่งพวกเขาได้เจอกับกรงเล็บที่เหมือนกับของไดโนเสาร์ถูกพบในสภาพสมบูรณ์ โดยยังคงมีเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้ออยู่
ภายหลังการศึกษา ปรากฎว่ากรงเล็บปริศนาชิ้นนี้อายุมากกว่า 3,300 ปี มันเป็นส่วนขาของนกที่สูญพันธ์ไปแล้วที่ชื่อ โมอา (Moa) ที่หายไปจากโลกของเราเมื่อประมาณ 700-800 ปีก่อน
โมอาปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อประมาณ 8.5 ล้านปีก่อน! ย้อนไปในยุคนั้น พวกมันมีมากถึง 10 สายพันธุ์ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดอาจมีความสูงมากถึง 3.6 เมตรเมื่อยืดคอ และมีน้ำหนักมากถึง 230 กิโลกรัม ในขณะที่พันธุ์ที่เล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับไก่งวงในปัจจุบัน
นี่คือภาพเปรียบเทียบขนาดของโมอาทั้ง 4 สายพันธุ์เมื่อเทียบกับมนุษย์ปกติ
กว่าหลายปีที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบว่าทำไมนกเหล่านี้ถึงสูญพันธุ์ไปจากโลก ข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่าเมื่อ 700 ปีก่อน พวกมันสูญพันธ์หลังจากที่มนุษย์มาถึงเกาะไม่นานนัก ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
นักชีววิทยาด้านวิวัฒนาการ เทรเวอร์ เวิร์ทตี้ เผยความเห็นของเขาว่า “มันคือบทสรุปที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ว่า การสุญพันธุ์ของนกเหล่านี้ไม่ได้มาจากอาการเจ็บป่วยหรือชราภาพ แต่พวกมันถูกกำจัดจนหมดสิ้นด้วยน้ำมือมนุษย์”
เมื่อโลกอินเตอร์เน็ทได้ทราบข่าวนี้ ต่างมีความเห็นที่อยากให้โคลนมันเพื่อกลับมามีชีวิตในยุคปัจจุบัน มีคอมเมนต์น่าสนใจที่บอกว่า ในเมื่อคุณทำให้มันสูญพันธุ์ ก็โคลนมันกลับมาในเพื่อล้างแค้นสิ่งที่มนุษย์ทำไว้ซะเลย
หรือจะเป็นโคลนพวกมันขึ้นมาแล้วเอาไปใส่ไว้ในสวนสนุกก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ก็มีอีกหลายคอมเมนต์ที่บอกว่า อย่าโคลนมันกลับมาในปี 2020 เลย แค่นี้มันก็แย่พออยู่แล้ว
แล้วคุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ เราควรโคลนมันกลับมาหรือไม่ หรือควรปล่อยให้มันสูญพันธ์และกลายเป็นอดีตต่อไปดี ?
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ