หญิงสาวพบลูกหนูถูกทิ้งกลางถนน จนเธอตัดสินใจช่วยมันเอาไว้

สาวรัสเซียผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อ @virilvi ที่อาศัยอยู่ในเยอรมนี ได้พบกับหนูแรกเกิดกำลังใกล้ตายอยู่บนถนนเส้นหนึ่งในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เธอสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นหนูที่อาศัยอยู่ในทุ่งบริเวณนั้น จนกระทั่งเห็นมันขยับได้ เธอจึงตัดสินใจที่จะช่วยหนูน้อยตัวนี้เอาไว้

“โลกเล่นตลกกับฉันแน่นอน ฉันคิดว่ามันไม่มีชีวิตอยู่แล้วและแค่ต้องการย้ายมันออกไปให้พ้นทาง แต่มันก็เริ่มขยับอุ้งเท้า และฉันไม่สามารถทิ้งมันเอาไว้ได้” หญิงสาวกล่าว

@virilvi ได้ช่วยหนูตัวนี้เอาไว้ด้วยการพามันกลับมาดูแลที่บ้าน และมันก็หลับไปหลังจากดื่มนมที่เธอหามาให้ หลังจากนั้นเธอก็พยายามเลี้ยงดูมันอย่างดี พร้อมทั้งดูแลสุขอนามัยของมันด้วยสำลีก้าน จนกระทั่งมันรอดจากวันแรกไปได้

“ในวันที่สอง หนูสามารถกิน นอน และอาบน้ำได้ ถึงแม้ว่ามันจะวุ่นวายก็ตาม มันเริ่มลืมตาขึ้นเล็กน้อยในวันต่อมา ฉันยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นหนูสายพันธุ์อะไร”

“วันที่สาม ขนปกคลุมขึ้นทั้งตัวแล้ว มันลืมตาและดูแปลกใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น” หญิงสาวกล่าว

หนูน้อยเริ่มส่งเสียงร้องได้ในวันที่ 4 มันดูมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นมาก

“มันชอบมานั่งในมือของฉัน ฉันพบว่ามันสามารถนอนหลับในกระเป๋าเสื้อของฉันได้หลังกินอาหาร และตอนนี้มันก็ชอบทำแบบนั้นประจำ”

หลายวันต่อมา หนูน้อยเริ่มปรับตัวกับการใช้ชีวิตกับเธอได้มากขึ้น แตกต่างจาก 2-3 วันแรกที่มันยังดูตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว และมันเริ่มเรียนรู้ที่จะกินข้าวต้มและธัญพืชแทนนม แต่ก็ยังไม่ชอบอาบน้ำอยู่ดี

“มันไม่ชอบเสียงน้ำไหลและเสียงลมเป่า” หญิงสาวกล่าว

บางครั้ง มันก็ดูกระวนกระวายอยู่ในกระเป๋าเมื่อได้ยินเสียงนกกางเขนร้อง เมื่อบินผ่านหน้าต่าง

ใบหูของมันเริ่มใหญ่ขึ้น และมีลักษณะคล้ายกับหนูป่าขนาดเล็ก แต่เธอก็ยังไม่ทราบเพศของมันอยู่ดี ซึ่งหลังจากรู้เพศของมันเรียบร้อยแล้ว เธอก็จะตั้งชื่อให้กับมันอีกครั้ง

หนูตัวน้อยตอนนี้ได้ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับหญิงสาวตลอดเวลา มันกินอาหารได้เก่งขึ้นโดยเฉพาะฟักทอง วอลนัต และชอบดื่มน้ำ แต่มันไม่ชอบแอปเปิ้ล

ตอนนี้ร่างกายของมันเริ่มรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้มากขึ้น เธอจึงวางแผนที่จะเลิกใช้แผ่นทำความร้อน

ตอนนี้ หนูน้อยอาศัยกับหญิงสาวมานานกว่า 3 สัปดาห์แล้วนับตั้งแต่วันที่เธอเจอมันครั้งแรก และถ้าในวันนั้นเธอตัดสินใจที่จะทิ้งมันไว้ มันก็อาจไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้

ที่มา: boredpanda