หญิงสาวผู้ตามหาสูตรของกินบนป้ายสุสานเพื่อทำมันขึ้นมาจริง ๆ

ในวัฒนธรรมของชาวตะวันตกคุณอาจได้พบคำจารึกบนป้ายสุสานที่ช่วยให้คุณรำลึกได้ถึงผู้เสียชีวิต แต่บางครั้งคุณอาจได้พบกับบางสิ่งที่ต่างออกไป และไม่คิดว่ามันจะอยู่บนป้ายสุสานมาก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว โรซี แกรนต์ นักศึกษาด้านบรรณารักษศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ได้มีโอกาสได้ไปฝึกงานอยู่ที่ห้องเก็บเอกสารของสุสานประวัติศาสตร์ของรัฐสภา ในช่วงเวลานั้นเอง เธอได้สร้างบัญชี TikTok และแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับสายงานของเธอจนนำไปสู่การค้นพบป้ายสุสานหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร

มันคือสูตร คุกกี้เนยแบบกด (Spritz Cookies) ที่เราคุ้นเคยกันจากคุกกี้กล่องแดงอย่าง อาร์เซนอล และ อิมพีเรียล

สูตรของคุกกี้เนยดังกล่าวมีเพียงแค่ส่วนผสม 7 อย่าง อยู่บนป้ายสุสานเท่านั้น แต่โรซีก็ตัดสินใจทำคุกกี้สูตรดังกล่าวให้เกิดขึ้นมาจริง ๆ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอโหยหาสูตรอาหารบนป้ายสุสานเพิ่มเติม

“การทำอาหารตามสูตรเหล่านี้ทำให้ฉันได้เห็นอีกด้านของความตาย” โรซีกล่าว “มันเป็นวิธีรำลึกถึงใครบางคน และฉลองให้กับชีวิตของพวกเขา”

หลังจากที่เรื่องราวของเธอกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ เธอก็เริ่มหาป้ายสุสานที่มีสูตรอาหารทั่วสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีคนใส่สูตรอาหารลงไปบนป้ายสุสาน แต่เธอก็สามารถค้นพบมันจนได้

หนึ่งในนั้นคือป้ายสุสานแห่งหนึ่งในยูทาห์ โรซีค้นพบสูตร ‘ช็อกโกแลตฟัดจ์’ บนป้ายสุสานของ เคย์ แอนดรูวส์ ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มีแค่ส่วนผสม แต่ยังมีรายละเอียดวิธีทำอย่างครบถ้วน

ความจริงก็คือ โรซีได้เรียนรู้เรื่องราวของเคย์จากครอบครัวเธอ และทำให้ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้คนมาโดยตลอด ไม่เว้นแม้แต่ในวันที่เธอนอนหลับอย่างสงบอยู่ภายในสุสาน

นอกจากนั้นยังมีสูตร ‘ถั่วม้วน’ ที่ถูกสลักบนป้ายสุสานของ ไอดา คลีนแมน ในอิสราเอล หรือหญิงชาวอเมริกันอีกคนที่มีสูตร ‘ชีสดิป’ ซึ่งตอนนี้เธอมีสูตรอาหารต่าง ๆ จากป้ายสุสานประมาณ 12 หรือ 13 สูตรแล้ว และเธอกำลังหามันเพิ่มเติมเพื่อแบ่งปันให้กับผู้ติดตามของเธอบน TikTok

“เมื่อเราอยู่ในความโศกเศร้า อาหารก็ทำให้เราสบายใจได้” โรซีกล่าวกับ TODAY

“สูตรอาหารเหล่านี้ช่วยเข้าถึงความรู้สึกที่มากขึ้น มันเป็นวิธีที่รวมเอาทุกประสาทสัมผัสในการรำลึกถึงใครบางคนที่มากกว่าแค่ความทรงจำ เพราะเมื่อคุณได้กินเค้กหรือคุกกี้พิเศษของคุณยายหรืออะไรก็ตาม คุณจะรู้สึกเชื่อมโยงถึงเธอได้มากขึ้น”

ที่มา: today