ชายอินเดียถูกระบุว่าตายแล้วใช้เวลา 18 ปี ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่อีกครั้ง

ลาล พิหารี คือคนตายที่มีชีวิตที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินเดีย เขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ถูกทำให้หายไปจากโลกใบนี้เพื่อที่ญาติ ๆ ของเขาจะได้อ้างสิทธิ์ในทรัพย์สินของเขาได้

จริง ๆ แล้วการทำให้ใครสักคนตายไปแค่เพียงบนหน้ากระดาษในอินเดียถือเป็นเรื่องยาก สิ่งที่คุณต้องมีคือเงินสินบนและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องยินดีทำงานสกปรกเพื่อแลกกับเงินนั้น

เหยื่อที่ถูกกระทำมักเป็นคนที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเป็นเวลานาน และผู้กระทำผิดก็คือญาติที่โลภพยายามจะยึดที่ดินหรือบ้านของคุณ และเมื่อทางราชการบันทึกเอาไว้แล้วว่าคุณเสียชีวิต การกลับมาพิสูจน์ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณต้องต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลเพื่อให้ได้ชีวิตกลับคืนมา

ส่วนเรื่องราวของพิหารีได้กลายเป็นตำนานของการต่อสู้เพื่อให้ได้ชีวิตของเขากลับคืนมาในอินเดีย จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในปี 1976 เมื่อเขากลับไปที่บ้านเกิดที่หมู่บ้านคาลิลาบัด ในรัฐอุตตรประเทศ เพื่อที่ทำเรื่องกู้เงินสำหรับทำธุรกิจครอบครัวของตนเอง เขาจึงเดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเพื่อขอเอกสารยืนยันตัวตน

แต่เจ้าหน้าที่มองดูเขาและบอกว่า ลาล พิหารี เสียชีวิตไปแล้ว เขายิ้ม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยิ้มตอบ…

“ลาล พิหารี เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว” เจ้าหน้าที่บอกกับเขา “ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร”

“แต่ผมอยู่ที่นี่ตรงหน้าคุณนะ” พิหารีตอบด้วยความงุนงง “คุณก็รู้จักผมนี่ ผมเคยเจอคุณมาก่อน”

เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ พร้อมทั้งแสดงเอกสารให้พิหารีเห็นว่าเขาเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1975 และที่ดินของเขาได้ถูกโอนเป็นกรรมสิทธิ์ให้กับลุงของเขาในฐานะผู้รับมรดก และเป็นตัวการของเรื่องนี้

แม้ว่าพิหารีจะตกใจกับเรื่องนี้ แต่เขามั่นใจว่าจะแก้ไขเรื่องต่าง ๆ ได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่สุดท้ายเขาใช้เวลานานถึง 18 ปี ในการต่อสู้เพื่อให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง

พิหารีเริ่มต้นด้วยการติดต่อหาทนายความที่หัวเราะเยาะเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยื่นเรื่องกับทางอำเภอซึ่งเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านก็เริ่มเยาะเย้ยเขา เรียกเขาว่า ‘มฤตัก’ ที่แปลว่าคนตาย และผี เขารู้สึกอับอายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น

ในปี 1980 นักการเมืองรายหนึ่งแนะนำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติตัวเองเสียใหม่ แทนที่จะละอายผู้คนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาควรใช้สถานะ ‘มฤตัก’ ของตัวเองเพื่อทำให้กลุ่มคนที่โกงเขาต้องอับอายแทน

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พิหารีได้เริ่มต่อสู้เรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และนั่นทำให้เขาพบว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากในอินเดียที่มีสถานะเหมือนเขา และหลายคนต้องการความช่วยเหลือเหมือนกับเขาเช่นกัน

พิหารีกลายเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจัดกิจกรรมเพื่อเรียกร้องความสนใจในที่สาธารณะ อีกทั้งยังจัดพิธีศพให้กับตัวเองเพื่อเรียกเงินชดเชยให้กับภรรยาของเขาที่กลายเป็นสถานะแม่หม้าย พร้อมทั้งใส่คำว่า “มฤตัก” ลงไปในชื่อของเขา

ต่อมาในปี 1989 เขาตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งในระดับภูมิภาคเพื่อพิสูจน์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และเมื่อสื่อเริ่มให้ความสนใจ ก็ทำให้เรื่องราวของพิหารีเริ่มกลายเป็นกระแสไปทั่วอินเดีย

ถึงแม้ว่าเรื่องราวของเขาจะกลายเป็นที่รูัจักในวงกว้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาต้องต่อสู้กับเรื่องนี้ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 1994 เขาจึงได้รับสถานะการมีชีวิตอยู่กลับมาสำเร็จ หลังจากเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ชุดใหม่เข้ามาทำงานในที่ว่าการอำเภอท้องถิ่นของเขา

เรื่องราวของ ลาว พิหารี ไม่ได้จบลงแค่นั้น เขาก่อตั้งองค์กร “มฤตักสงฆ์” เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ประสบปัญหาเดียวกับเขาและตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริต จนเรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อ Kaagaz ในปี 2021 ที่ผ่านมา

แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะประกาศว่าเรื่องนี้ไม่ได้ประเด็นทางสังคมที่แพร่หลาย แต่พิหารีเชื่อว่ามีเหยื่อที่กลายเป็นมฤตักในอินเดียเหมือนกับเขาหลายหมื่นคนเลยทีเดียว และที่น่าเศร้าก็คือปัญหาเหล่านี้เกิดมาจากความโลภของคนในครอบครัว ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ลูกของตัวเองก็ตาม

ที่มา : odditycentral | wikipedia | เรียบเรียงโดย เพชรมายา