ต้นไม้ยักษ์พันปีในเม็กซิโก ได้ชื่อว่ามีลำต้นหนาที่สุดและแข็งแรงที่สุดในโลก

ถ้าหากคุณเคยเดินทางไปชมต้นไม้ขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่ร่ำลือกันว่ามีหลายสิบคนโอบ มันก็ไม่อาจเทียบเท่าได้กับต้นไม้ที่ได้ชื่อว่ามีลำต้นที่ “หนา” ที่สุดในโลกต้นนี้

Tree of Tule คือต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ที่ลานโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองซานตา มาเรีย เดล ตูเล ประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความใหญ่โตของลำต้น โดยมีเส้นรอบวงถึง 42 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 14.05 เมตร แถมมันยังเติบโตเพื่อสร้างสถิติใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Tree of Tule ได้รับตำแหน่งเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นหนาที่สุดในโลก

นอกจากนั้น ความหนาของมันยังเอาชนะต้นสนยักษ์ซีคัวญาในแคลิฟอร์เนีย และต้นเบาบับยักษ์ในแอฟริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จนทำให้ Tree of Tule ได้รับตำแหน่งต้นไม้ที่มีความแข็งแรงที่สุดในโลกไปอีก 1 ตำแหน่ง

ความกว้างไม่ใช่สิ่งที่น่าประทับใจเพียงอย่างเดียว เพราะด้วยความสูงที่มากถึง 41-43 เมตร ก็ทำให้มันกลายเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ยักษ์ที่สมบูรณ์แบบเช่นกัน

สำหรับอายุของ Tree of Tule ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเท่าไหร่กันแน่ แต่จากการประมาณทางวิทยาศาสตร์ตามอัตราการเติบโตคาดว่ามันมีอายุอยู่ระหว่าง 1,433 ถึง 1,600 ปี

ในอดีตที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คิดว่าความหนาของมันเกิดจากการรวมตัวกันของต้นไม้มากกว่า 1 ต้นที่แยกจากกัน จนกระทั่งหลักฐานทาง DNA ได้ยืนยันว่า มันเป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวเท่านั้น

Tree of Tule เป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดต้นหนึ่งของโลก โดยได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2001

โดยพื้นฐานแล้ว มันคือต้นไซปรัส มอนเตซูมา (Taxodium Mucronatum) ที่มีต้นกำเนิดในเม็กซิโกและกัวเตมาลา ซึ่งปกติแล้วมันจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 1-3 เมตร ในขณะที่ต้นใหญ่ก็อาจจะมากถึง 3-6 เมตร แต่สำหรับ Tule of Tree กลับมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 14.05 เมตร

ส่วนตำนานท้องถิ่นของชาว Zapotec อารยธรรมโบราณของชาวเม็กซิกันเชื่อว่า เปโชชา นักบวชของเทพเจ้าแห่งสายลมเอคัลต์ (Ehecatl) ของชาวแอซเท็ก นำมาปลูกไว้เมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อน ภายหลังจากดินแดนแห่งนี้ถูกยึดครองโดยนิกายโรมันคาธอลิก

ด้วยชื่อเสียงของ Tree of Tule ทำให้เมืองซานตา มาเรีย เดล ตูเล กลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมต้นไม้ยักษ์ต้นนี้มากยิ่งขึ้น ไกด์ท้องถิ่นมักจะใช้กระจกสะท้อนกับแสงอาทิตย์ และชี้ให้เห็นเงาของสัตว์รวมถึงรูปร่างต่าง ๆ ที่ปรากฎบนต้นไม้ จนทำให้มันถูกเรียกอีกชื่อว่า “ต้นไม้แห่งชีวิต”

ส่วนชาวซานตา มาเรีย เดล ตูเล จำนวน 3 ใน 4 ของเมืองนี้ก็พึ่งพาการท่องเที่ยวจาก Tree of Tule เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไป แต่โชคร้ายที่มีรายงานระบุว่า ต้นไม้แห่งชีวิตต้นนี้อาจจะไม่รอดต่อไปในอนาคต เนื่องจากรากของมันได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ รวมถึงมลพิษและการจราจร โดยมีรถยนต์มากกว่า 8,000 คันที่เดินทางผ่านถนนหลวงที่อยู่ติดกันทุกวัน

ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ