ไร่องุ่นที่เล็กที่สุดผลิตไวน์ได้แค่ 29 ขวดต่อปี แต่เจ้าของบอกคุณไม่ควรดื่มมัน

Via Mari 10 ถือเป็นไร่องุ่นที่มีพื้นที่แค่เพียง 9 ตารางวา ที่สามารถผลิตไวน์ได้เพียง 29 ขวดต่อปี ดังนั้นไร่องุ่นแห่งนี้จึงได้ชื่อว่ามีขนาดเล็กที่สุดในโลก

Via Mari 10 ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของอาคารเก่าหลังหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ใจกลางเมืองเรกจิโอเอมิเลีย และมันไม่ใช่ไร่องุ่นธรรมดาทั่วไป เพราะไม่เพียงแต่มันมีขนาดเล็กอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว แต่ผลผลิตของมันยังมีน้อยมากในแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดเกี่ยวกับไวน์ Via Mari 10 ก็คือคุณไม่ควรดื่มมัน เจ้าของไร่องุ่นมองว่าไวน์ที่ผลิตได้เพียงแค่ 29 ขวดต่อปี หรืออาจมากกว่านั้นเป็นงานศิลปะที่ควรเก็บสะสมและชื่นชมมากกว่าการบริโภค

ปัญหาอีกหนึ่งอย่างก็คือ คุณต้องจ่ายเงินที่สูงถึง 5,000 ยูโร หรือราว 182,000 บาท สำหรับไวน์ 1 ขวดที่คุณไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ

“ไวน์ของผมเป็นการแสดงออกทางศิลปะรูปแบบหนึ่ง เป็นความยั่วยวนเชิงปรัชญา เป็นสิ่งที่ควรเก็บเอาไว้ในห้องนั่งเล่นของคุณ เพื่อให้คุณสามารถพูดคุยกับเพื่อน ๆ เกี่ยวกับคนบ้าที่ทำไร่องุ่นบนดาดฟ้าบ้านตัวเอง” ทูลิโอ มาโซนี เจ้าของไร่ Via Mari 10 กล่าว

“ถ้าคุณเห็นล้อจักรยานในห้องนั่งเล่นแทนที่จะเป็นร้านซ่อมจักรยาน คุณจะรู้ว่ามันงดงามแค่ไหน ไร่องุ่นของผมเป็นแบบนั้น มันคาดไม่ถึง มันจุดประกายความคิดใหม่ ๆ ให้กับคุณ”

มาโซนีก่อตั้งไร่องุ่นที่ไม่ธรรมดาแห่งนี้หลังจากขายไร่องุ่นในชนบทที่เขาได้รับมรดกจากพ่อ ในเวลานั้นเขาคิดว่าการทำไร่องุ่นไม่ได้ช่วยสร้างรายได้ให้กับเขา แต่เขาก็คิดผิด ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสร้างไร่องุ่นขนาดเล็กของตัวเองบนดาดฟ้าบ้านเก่าแก่ของเขาแทน

สำหรับองุ่นที่ปลูกในไร่ Via Mari 10 เป็นองุ่นสายพันธุ์ซานโจเวเซ (Sangiovese) ซึ่งเป็นองุ่นแดงที่มีชื่อเสียงของอิตาลี เถาองุ่นของที่นี่จะได้รับสารอาหารจากไข่ กล้วย สาหร่าย และมูลนกไนติงเกล ซึ่งมาโซนียืนยันว่าไวน์ของพวกเขาจะมีรสชาติที่เหนือว่าไวน์ที่ได้จากไร่องุ่นในชนบท แต่ก็อย่างที่บอกคือ คุณไม่ควรดื่มไวน์ของพวกเขา

“ผมเป็นผู้ผลิตไวน์รายเดียวในโลกที่บอกว่าคุณไม่ควรดื่มไวน์ของเขา” มาโซนีกล่าว พร้อมกับเสริมว่าทุกขวดเป็นผลงานศิลปะที่ถูกออกแบบมาให้เชยชมมากกว่าการบริโภค

ไวน์ Via Mari 10 ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปหรือแม้แต่ซื้อกับผู้ผลิตเองก็ตาม แต่คุณจะต้องติดต่อขอซื้อผ่านพิพิธภัณฑ์ศิลปะโบนิโอนี ในราคา 5,000 ยูโร ซึ่งฟังดูมีราคาสูงมากสำหรับไวน์ แต่ถ้าคุณมองว่ามันคือศิลปะ ราคานี้ก็เริ่มสมเหตุสมผลมากขึ้น

จากรายงานระบุว่า ไวน์ Via Mari 10 มักถูกซื้อไปเพื่อเป็นของกำนัลให้กับลูกค้าทางธุรกิจ ส่วนรสชาติของไวน์แดงสุดพรีเมียมนี้ มาโซนีอ้างว่า “ในจิบแรกคุณจะรู้สึกฉงนอย่างยิ่ง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที บางสิ่งจะฟื้นขึ้นมาในเพดานปากของคุณ ซึ่งจะช่วยเปิดใจของคุณไปยังมิติใหม่”

ถือเป็นการตลาดที่น่าสนใจทีเดียว แต่สำหรับใครที่ได้ไวน์ขวดนี้มาก็คงต้องอยากลองลิ้มชิมรสชาติของมันสักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน

ที่มา: dnevnik | odditycentral