การกำจัดซากวาฬที่ฉาวโฉ่เมื่อ 50 ปีก่อน ถูกนำมาสอนเป็นบทเรียนถึงเรื่องโควิดวันนี้

ประวัติศาสตร์สามารถสอนสั่งเราได้ถึงบทเรียนที่ควรจดจำและนำกลับไปใช้งาน วันนี้เราขอเสนอเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าโดยทวิตเตอร์ของสภาเมืองดอนแคสเตอร์ ที่โพสต์ถึงเรื่องราวในปี 1970 ที่เมืองฟลอเรนส์ รัฐโอเรกอน เมื่อทางการสหรัฐใช้วิธีการกำจัดซากวาฬเกยตื้นริมชายหาดด้วยระเบิดไดนาไมต์น้ำหนักกว่า 7,300 กิโลกรัม โดยทางสภาบอกว่าเรื่องนี้สามารถสอนเราได้เป็นอย่างดีในการรับมือโคโรนาไวรัส โพสต์นี้มีผู้กดไลค์มากกว่า 63,000 ครั้ง รวมทั้งรีทวีตมากกว่า 35,000 ครั้งด้วยกัน

เรื่องราวเริ่มขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1970 เมื่อวาฬหัวทุยหรือวาฬสเปิร์มเสียชีวิตและลอยมาเกยตื้นริมชายหาดในเมืองฟลอเรนส์ รัฐโอเรกอน ซึ่งไม่ค่อยพบเหตุการณ์เช่นนี้มากนักในสมัยนั้น

ชาวเมืองไม่อยากทนกลิ่นเน่าเสียที่เกิดจากซากวาฬ ในขณะที่พวกเขากำลังฉลองช่วงวันคริสต์มาสเป็นแน่ ทำให้คนในท้องถิ่นปรึกษากันถึงทางเลือกในการแก้ปัญหา โดยพวกเขามีทางเลือก 3 ข้อด้วยกัน

ข้อที่หนึ่งแม้ว่ามันจะส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็ควรปล่อยให้มันย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ข้อที่สองลองสับมันเป็นชิ้นและแบ่งฝังมันซะ ซึ่งก็อาจจะส่งกลิ่นออกมาภายหลังอยู่ดี หรือข้อสาม ระเบิดซากวาฬด้วยไดนาไมต์เสียเลย แล้วให้พวกนกเก็บกินซากที่เหลือ

และสิ่งที่ทางรัฐโอเรกอนเลือกก็คือ การระเบิดวาฬขนาดยักษ์ตัวนี้ เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นวิธีที่เหมาะสมและรวดเร็วที่สุด

ทางการได้ว่าจ้างวิศวกรที่ชื่อ จอร์จ ธอร์นตัน ให้รับหน้าที่ควบคุมการระเบิดครั้งใหญ่นี้ แต่จอร์จไม่แน่ใจว่าต้องใช้ระเบิดมากเพียงใดในการทำลายซากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเป็นงานแรกของเขา ทำให้เขาตัดสินใจผิดโดยการเลือกระเบิดเกินครึ่งตัน

อดีตผู้เชี่ยวชาญทางทหารได้ออกมาแย้งความคิดดังกล่าว เพราะเขาคิดว่ามันเป็นจำนวนที่มากเกินไป เพียงแค่ไดนาไมต์ไม่กี่แท่งก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อพวกเขาไม่ฟังสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือน ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พวกเขาเริ่มปฎิบัติการท่ามกลางสายตาของฝูงชนที่มารอดูเป็นจำนวนมาก เมื่อการระเบิดเริ่มขึ้น ผลที่ได้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

แรงระเบิดที่มหาศาลเกินพอดี นำร่างและเศษซากของวาฬลอยไปบนท้องฟ้า ทั้งเลือดและชิ้นส่วนกระเด็นไปไกลกว่า 400 เมตร รถยนต์เสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้คนถูกของเสียจากวาฬเลอะตามตัวของพวกเขา รวมทั้งสภาพพื้นที่โดยรอบก็ดูแย่กว่าเดิมมาก มันคือฝันร้ายของการไม่เชื่อฟังคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

ท้ายที่สุดทางการต้องล้างชายหาดและฝังซากวาฬบางส่วนไว้ที่ชายหาด เนื่องจากทรายมีความลึกไม่มากพอ ทำให้บางชิ้นส่วนถูกนำไปฝังไว้ที่หาดอื่นใกล้เคียงแทน

แล้วเรื่องนี้สอนอะไรแก่เราได้บ้างในสถานการณ์ที่โคโรนาไวรัสระบาด? สภาเมืองดอนแคสเตอร์แจกแจงถึงข้อความจำสามเรื่องเพื่อเอาตัวรอดจากโคโรนาไวรัสโดยใช้เหตุการณ์ในอดีต

  1. อย่าเมินเฉยต่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพราะพวกเขารู้ดีว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
  2. จะเป็นการดีกว่า ถ้าบางครั้งเราแค่นั่งอยู่นิ่ง ๆ ที่บ้านและไม่ออกไปข้างนอกเพื่อทำเรื่องงี่เง่า
  3. เมื่อคุณปฎิเสธคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและทำเรื่องโง่เขลา คุณอาจทำให้คนอื่นต้องเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกดุจดั่งซากวาฬที่เน่าเสียได้ เพราะฉะนั้นจงอยู่แต่ในบ้านและหยุดเห็นแก่ตัวซะ

เพื่อน ๆ สามารถดูวีดีโอเรื่องราวดังกล่าวได้ด้านล่าง เราหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้กับทุกคนที่คิดว่าคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญนั้นไร้ค่าและไม่เชื่อฟัง หวังว่าทุกคนจะอยู่แต่ในบ้านและปลอดภัยจากโรคระบาดครั้งนี้

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ