11 นักแสดงที่มักได้รับบทแนวเดิม ๆ เสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม

นักแสดงฮอลลีวูดส่วนมากมักมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทบาทหนึ่งที่โดดเด่นของพวกเขา มันทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาเป็นที่จดจำของผู้ชม จนในบางครั้งก็ไม่อาจไปรับบทตัวละครแบบอื่นได้เพราะอาจทำให้ผู้ชมไม่สนใจและผิดหวัง มันเป็นเหตุผลหลักที่นักแสดงหลายคนมักได้บทตัวละครแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนในบางครั้งเราอาจคิดว่าตัวละครเหล่านี้มาจากเรื่องเดียวกัน วันนี้เพชรมายาจะนำคุณไปพบกับ 11 นักแสดงที่มักได้รับบทเดิมหรือคล้ายกันเสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม

1. จอห์น เวย์น

ชื่อเสียงของเขาโด่งดังจากบทบาทหนุ่มคาวบอยมาดเท่ห์ เจ้าของฉายาสิงห์แดนเถื่อน ไม่แปลกอะไรที่เขาจะได้รับบทบาทในเรื่องราวเกี่ยวกับคาวบอยตะวันตกอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Stagecoach ในปี 1939 จนมาถึงเรื่อง True Grit ในปี 1969 ที่เขาคว้ารางวัลออสการ์มาครอง

2. เคียร่า ไนท์ลีย์

นักแสดงสาวเจ้าเสน่ห์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากเรื่อง Pirates of the Caribbean จนไปถึง Anna Karenina และ Atonement แต่ทั้งสามเรื่องที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นบทแนวย้อนยุคแบบเดียวกัน ถ้าไม่สังเกตให้ดี เราคงคิดว่าเธอแต่งชุดในเรื่องเดียวกันแน่ เคียร่าเคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอชอบภาพยนตร์แนวย้อนยุคเธอคิดว่ามันเป็นการหลบหนีไปยังอีกโลกหนึ่ง ซึ่งอาจแตกต่างกับคนทั่วไปที่ชื่นชอบโลกไซไฟและแนวแฟนตาซี

3. โนเอล กูเกลียมิ

เรามักเห็นเขาบ่อยครั้งในบทของหนึ่งในสมาชิกแก๊ง ไม่ว่าจะเรื่อง Fast and Furious, Training Day, หรือแม้แต่ The Dark Knight Rises มานึกดูแล้ว เราแทบจำเขาในบทบาทอื่นแทบไม่ได้เลยนอกจากบทบาทที่เขาหนีตำรวจ ทำผิดกฎหมายและโดนจับ กูเกลียมิเล่าว่าชีวิตจริงของเขาค่อนข้างโลดโผน ทั้งครอบครัวแตกแยก ไร้บ้าน จนไปถึงก่ออาชญากรรมและได้เข้าสู่วงการบันเทิงในท้ายที่สุด เขายอมรับว่าเคยเข้าร่วมแก๊งของจริงอีกด้วย

4. เมลิสซา แม็กคาร์ธี

นักแสดงสาวร่างท้วมที่มักสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมเสมอ เริ่มตั้งแต่เรื่อง Gilmore Girls และ Mike & Molly แม้จะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ แต่เธอก็แทบไม่เคยได้รับบทอื่นเลยนอกจากบทของสาวอวบที่ชอบทำเรื่องน่าขายหน้าเสมอ เธอได้รับบทเด่นในเรื่อง Identity Thief, Spy, และ Bridesmaids และประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี 2012

5. เซธ โรเกน

ชายหนุ่มผู้มีมุขและอารมณ์ขันแนวดิบเถื่อน เซธ โรเกนไม่เพียงแค่ทำการแสดงเท่านั้น เขายังเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้างรวมทั้งเขียนบทอีกด้วย แม้จะอยู่ในวงการนานขนาดนี้ แต่เรากลับจำบทบาทของเขาได้เพียงแบบเดียว นั่นคือบทของคนที่กำลังมึนกับสารเสพติดมากไปจนขาดสติ เช่นเรื่อง: Pineapple Express, Knocked Up, และ This Is the End แต่บทที่นับว่าประสบความสำเร็จของเขากลับกลายเป็นการพากย์เสียงให้ตัวละครตั๊กแตนใน Kung Fu Panda

6. มิลลา โยโววิช

สำหรับชื่อของนักแสดงสาวคนนี้ หลายคนต้องนึกถึงเรื่อง Resident Evil เป็นอันดับแรก เพราะเธอรับบทในเรื่องนี้มาอย่างยาวนานมาก มิลลาได้รับบทภาพยนตร์แนวแฟนตาซีและไซไฟบ่อยครั้ง จนเราแทบไม่เห็นเธอในบทคนปกติเลย ซึ่งอาจเป็นเพราะผลงานของเธอในเรื่อง Fifth Element ที่โด่งดังระดับโลก ทำให้ผู้ชมจดจำภาพของเธอในภาพยนตร์แนวนี้ เริ่มตั้งแต่ Resident Evil ทั้ง 6 ภาค Hellboy, Ultraviolet, หรือแม้แต่ The Three Musketeers ที่ผิดแปลกไปจากสามทหารเสือเวอร์ชันที่เราคุ้นเคย

7. เลียม นีสัน

นักแสดงชาวไอริชที่หลายคนจดจำได้ดีกับบทบาทนักบู๊เลือดเดือดผู้ไม่ยอมแพ้และไม่มีใครขวางเขาได้ ทั้งที่เริ่มแรกเขามีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุคอย่าง Schindler’s List ต่อมาในภายหลัง เขากลับได้รับบทนักบู๊เรื่อยมา เริ่มตั้งแต่ Batman Begins, A-Team และ Star Wars Ep.1 จนมาถึงเรื่องที่ส่งผลให้ทั่วโลกจดจำเขาในฐานะคุณพ่อสุดโหดอย่าง Taken ทั้งสามภาค ซึ่งทำให้เลียมแทบไม่ได้รับบทแนวอื่นเลยนอกจากแนวไล่ล่าผู้ร้าย เช่นภาพยนตร์เรื่อง Non-Stop, Cold Pursuit รวมไปถึง Unknown

8. แคทเธอรีน ไฮเกล

อาชีพการแสดงของไฮเกลสวยหรู เมื่อเธอทำผลงานได้เป็นอย่างดีในบทบาทของ Izzie จากซีรีย์ยอดนิยมอย่าง Grey’s Anatomy แต่ภายหลังเธอได้ปรึกษากับผู้อำนวยการสร้างและผู้เขียนบทอย่าง Shonda Rhimes จนได้ข้อสรุปว่าเธออยากเลิกบทบาทนี้และสนใจครอบครัวมากขึ้น ซึ่งทำให้เธอหันมารับบทเป็นสาวสวยผู้เคร่งในเรื่องความรักอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง 27 Dresses, The Ugly Truth, และ New Year’s Eve

9. เอมมา โรเบิตส์

เธอมักได้รับบทเป็นสาวที่มีบุคลิกเป็นสาวร้าย นักเรียนสาวที่โดดเด่นและเป็นที่นิยม เธอได้แสดงในภาพยนตร์น้อยใหญ่มากมาย ที่โดดเด่นคือ Scream 4 และซีรีย์สุดสยองอย่าง American Horror Story ซีซั่น 3 ในบทแม่มดอย่าง Madison Montgomery รวมทั้งบทนำในซีรีย์ Scream Queens ที่เธอทำแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

10. เฉินหลง

นักแสดงชาวฮ่องกงที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีสร้างชื่อในบทนักบู๊แอคชั่นที่ทำให้ทั่วโลกอ้าปากค้างกับการแสดงเสี่ยงชีวิตที่ไม่ใช้ตัวแสดงแทนแต่อย่างใด แม้ว่าเขาจะได้แสดงในภาพยนตร์หลากหลายรูปแบบก็ตาม แต่ทุกเรื่องก็ต้องมีฉากต่อสู้รวมอยู่ด้วยเสมอ เช่นบทพี่เลี้ยงเด็กใน The Spy Next Door หรือแม้แต่บทของคนรับใช้ใน Around the World in 80 Days แต่เรื่องที่สร้างชื่อให้เขาในฮอลลีวูดคงหนีไม่พ้น Rush Hour ทั้งสามภาค

11. เจสัน เบทแมน

นักแสดงที่ดูเหมือนไม่โดดเด่นอะไรและเรามักเห็นเขาในบทบาทของพ่อบ้านแสนธรรมดาเสมอ เขาคือตัวอย่างของคนปกติที่ไม่ค่อยได้รับบทแฟนตาซี เช่น  บทพ่อบ้าน พนักงานบริษัท ผู้จัดการ หรือนักธุรกิจ ผลงานเด่นของเขาได้แก่ Hancock และ Horrible Bosses ทั้งสองภาค เบทแมนนับเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่ไม่แสดงบทบาทจนเกินเลยหรือเวอร์เกินไป ซึ่งทำให้ผู้ชมจำนวนมากชื่นชอบในผลงานของเขา

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ