11 ฉากดังในหนังฮอลลีวูด ที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปไกล

ในปัจจุบันมีการรีวิวภาพยนตร์มากขึ้นบนโลกออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ วิเคราะห์ฉากที่สร้างชื่อให้ภาพยนตร์ซึ่งทำให้เราได้รับรู้องค์ประกอบของเรื่องราวมากขึ้น แต่มันก็มุมมองที่แตกต่างออกไปถ้าเราพิจารณาให้ดีจะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์อาจไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตจริงก็เป็นได้ วันนี้เพชรมายาขอนำเสนอฉากดังในภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่มีตรรกะเหตุผลผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง มาลองดูกันว่าจะมีภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบรวมอยู่ในนี้บ้างหรือเปล่า

1. ทอม แฮงส์ จุดไฟติดง่ายเหมือนปอกกล้วยใน Cast Away

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: ตัวละครไม่ได้มีประสบการณ์หรือเครื่องมือที่เหมาะสมในการจุดไฟเพื่อเอาตัวรอดบนเกาะร้าง เขาใช้การเสียดสี ซึ่งทำให้เขาจุดไฟได้ในไม่กี่นาที

ความจริงที่ควรเป็น: แน่นอนว่า วิธีการที่ ทอม แฮงส์ จุดไฟติดมันเป็นไปได้ก็จริง แต่จากคำให้สัมภาษณ์ของนักเดินทางมากประสบการณ์อย่างแบร์ กริลส์ กล่าวถึงฉากนี้ว่า มันต้องใช้เวลามากกว่าที่เห็นบนหน้าจอ ในภาพยนตร์ฉากนี้ใช้เวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่แบร์ กริลล์กล่าวว่า เขาอาจต้องใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมงในการจุดไฟให้ติดในสถานการณ์เช่นนี้ในชีวิตจริง

2. เด็กหนุ่มจากเรื่อง Free Willy ควรเรียนรู้เรื่องของวาฬ Orca ให้มากขึ้น

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: เด็กน้อยช่วยวาฬ Orca จากที่คุมขังและปล่อยให้มันเป็นอิสระ ทุกคนมีความสุขเมื่อวิลลี่ได้บ้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

ความจริงที่ควรเป็น: เมื่อคุณมองไปที่ Orca ในหน้าจอ คุณจะสังเกตเห็นครีบที่ผิดปกติของมัน สัตว์ที่เติบโตมาในสถานที่จำกัดมักก่อให้เกิดครีบที่ผิดรูปผิดร่าง โดยมีผลมาจากความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือปัญหาด้านสภาพจิตใจ ตามธรรมชาติทั่วไป ครีบถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างมากสำหรับปลาทุกชนิด การที่ปล่อยสัตว์ที่มีครีบผิดรูปเช่นนี้กลับสู่มหาสมุทร มันจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้

3. ฉากจบในเรื่อง Titanic เรื่องควรมืดมนกว่านี้

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: หลังจากที่เรือไททานิคจมลง แจ็คกับโรสต้องอยู่ในน้ำที่เย็นจัด จนในที่สุด พระเอกของเราต้องเสียสละอยู่ในน้ำจนไม่อาจทนได้อีกต่อไป ส่วนนางเอกก็รอดชีวิตมาได้โดยการนอนบนประตูลอยน้ำ

ความจริงที่ควรเป็น: ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทั้งคู่สามารถขึ้นไปบนประตูที่มีขนาดใหญ่ได้ทั้งคู่หรือไม่ แต่เราจะพูดถึงการแช่อยู่ในน้ำที่เย็นจัดจนทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดภาวะตัวเย็นฉับพลัน นั่นส่งผลให้เลือดไม่ไหลเวียนเป็นปกติ และร่างกายจะไม่สามารถขยับได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่โรสจะไปถึงนกหวีดและเป่าให้เกิดเสียงออกมาได้ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทั้งคู่ไม่ควรรอดเกิน 5 นาทีด้วยซ้ำในน้ำเย็นจัดที่อุณหภูมิติดลบเช่นนี้

4. นักบินที่พูดมากในเรื่อง Flight ละเมิดกฎการใช้โค้ดคำพูด

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: ระหว่างความวุ่นวายบนเครื่องบิน นักบินเริ่มพูดกับพนักงานอำนวยการบินถึงความยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่

ความจริงที่ควรเป็น: สภาวะตกหลุมอากาศหรือเครื่องบินเกิดปัญหาเป็นเรื่องปกติในสายการบิน มีด้วยกัน 4 ระดับด้วยกันไล่ตั้งแต่ เบา ปานกลาง มากและสูงสุด ทุกคนอาจเคยเผชิญกับการตกหลุมอากาศแบบเบามาก่อน แต่หากคุณเป็นนักบินผู้เชี่ยวชาญล่ะก็ ไม่มีทางที่จะมาเสียเวลาพูดมากกับพนักงานอำนวยการบินในระหว่างการตกหลุมอากาศระดับนี้ สิ่งที่สำคัญสุดคือพยายามควบคุมเครื่องบินให้บินต่อไปและทำจิตใจให้สงบ เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากผ่านพ้นไปแล้ว คุณค่อยแจ้งต่อพนักงานอำนวยการบินถึงปัญหาที่เกิด

5. ช้างจากเรื่อง Ace Ventura: When Nature Calls ดูแปลกไปจากสถานที่ทำถ่าย

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: ช้างพุ่งเข้าจู่โจมคนด้วยการยกเท้าหน้าขึ้นสูง

ความจริงที่ควรเป็น: นี่ไม่ใช่ธรรมชาติของช้างที่กำลังโมโหโดยสิ้นเชิง เมื่อช้างยืนด้วยขาหลัง ส่วนท้องของมันจะอ่อนแอ ถ้าช้างกำลังโมโห มันจะก้มหัวลงและพุ่งตรงไปหาคน ซึ่งฉากในภาพยนตร์มันเหมือนกับช้างในละครสัตว์มากกว่า

สิ่งที่น่าตลกในฉากนี้ก็คือ มันเป็นฉากที่เกิดขึ้นในแอฟริกาและมีหัวของช้างแอฟริกาบนกำแพง เมื่อกำแพงพังมันกลับมีช้างอินเดียวิ่งออกมา ซึ่งช้างทั้งสองสายพันธุ์แตกต่างกันอย่างมากและอยู่ต่างทวีปกัน แต่เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะช้างอินเดียฝึกฝนได้ง่ายกว่า ซึ่งเหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์

6. แม็ตต์ เดม่อนใน The Martian ควรกลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนในทีม

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: แม็ตต์ เดม่อนถูกชิ้นส่วนของกระสวยอวกาศพุ่งชนและทำให้เขากระเด็นออกไป นี่คือจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์

ความจริงที่ควรเป็น: บนดาวอังคารมีพายุฝุ่นจำนวนมากและบางครั้งมันกระจายตัวเป็นวงกว้างไปทั่วทุกพื้นที่ อย่าลืมว่าบรรยากาศบนดาวอังคารเบาบางมาก เทียบได้กับชั้นบรรยากาศบนโลกเราที่ระดับความสูง 1 แสนฟุตเลยทีเดียว ถึงแม้จะเกิดลมที่พัดเร็วมาก แต่ก็ยากที่คุณจะรู้สึกถึงมันได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีทางพัดเอาวัตถุขนาดใหญ่ให้ปลิวได้

ผู้สร้างภาพยนตร์ชอบคิดว่าแรงโน้มถ่วงของดาวอังคารเหมือนกับโลก ซึ่งแท้จริงแล้วดาวอังคารมีแรงโน้มถ่วงเพียง 38% ของโลกเท่านั้น นั่นหมายความว่า น้ำหนักของแมตต์จะเหลือเพียง 1 ใน 3 ของตอนอยู่บนโลก และจะไม่มีทางเคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นปกติเหมือนในภาพยนตร์ได้

7. แมงมุมทารันทูล่าในเรื่อง Jungle 2 Jungle ดูตลกและไม่สมจริง

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: แมงมุมตัดสินใจสั่งสอนตัวเอกให้รู้สำนึกและเริ่มไล่ตามเขา

ความจริงที่ควรเป็น: แม้จะเคยมีเรื่องเล่าว่ามีหลายคนที่ถูกแมงมุมไล่ตาม แต่มันไม่เป็นความจริงสักนิด พวกมันไม่มีทางไล่ตามผู้คนและไม่อยากทำอะไรกับเราสักนิด พวกมันแค่ต้องการซ่อนตัวเท่านั้น เพราะตามปกติแล้ว แมงมุมเป็นสัตว์ใจเย็น แต่ถ้าถูกคุกคามและจำเป็นต้องต่อสู้ มันอาจกัดสิ่งที่เป็นภัยกับมัน แต่มันจะไม่ไล่ตามคุณแน่นอน

8. การขับรถวิ่งไล่เครื่องบินในเรื่อง Argo

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: ทหารขับรถไล่ตามตัวเอกตามทางวิ่งสนามบิน เพื่อพยายามหยุดเครื่องบินให้ได้ แต่ท้ายที่สุดเครื่องบินก็ออกจากสนามบินไปได้อย่างปลอดภัย

ความจริงที่ควรเป็น: คุณไม่ควรขับรถไล่ตามเครื่องบินจากด้านหลัง เพราะความร้อนและลมจากไอพ่นมีความแรงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งการใช้รถทั่วไปไล่ตามเครื่องบินก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเครื่องบินมีความเร็วมากถึง 297 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขณะที่กำลังนำเครื่องขึ้น คุณอาจต้องใช้รถฟอมูล่าวันมาวิ่งไล่ตามพร้อมกับนักแข่งระดับโลกมาขับรถให้ ถึงจะพอมีลุ้นขึ้นมาบ้าง

9. ในเรื่อง Ad Astra กับเสียงที่ดังในอวกาศ

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: นักบินอวกาศ 2 กลุ่มไล่ล่ากันบนพื้นผิวดวงจันทร์ มีทั้งการใช้อาวุธและการต่อสู้ในฉากดังกล่าวด้วย

ความจริงที่ควรเป็น: เมื่อคุณดูฉากนี้ให้ดีและเริ่มคิดถึงความเป็นจริง มันเป็นไปได้ยังไงที่จะได้ยินเสียงบนอวกาศ เนื่องจากดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศ ฉะนั้นคุณไม่มีทางได้ยินเสียงอื่นได้นอกจากภายในชุดนักบินอวกาศของคุณเอง

10. ผู้นำตระกูลคัลเลนจากเรื่อง Twilight ไม่ใช่นายแพทย์ที่ดีนัก

สิ่งที่เกิดในภาพยนตร์: คนขับรถตู้เสียการควบคุมและขับรถพุ่งไปทางนางเอก แต่มีฮีโร่ปรากฎตัวและช่วยเธอจากช่วงเวลาวิกฤตไปได้ หญิงสาวไปโรงพยาบาลที่ซึ่งเธอได้รับการตรวจร่างกาย นายแพทย์ถามว่าเธอรู้สึกเช่นไรและส่องไฟฉายไปที่ตาของเธอเพื่อดูว่าเธอไม่ได้มีอาการ PTSD (โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง)

ความจริงที่ควรเป็น: ในกรณีนี้ มันไม่ใช้เรื่องจำเป็นเลยที่จะตรวจดูอาการคนไข้โดยการส่องไฟไปที่ดวงตา ถ้าคัลเลนอยากตรวจสอบว่าเบลล่ามีอาการ PTSD หรือไม่ เขาไม่ควรทำการตรวจทันที เพราะอาการเช่นนี้ไม่อาจวินิจฉัยได้ทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยอาการจะปรากฎออกมาภายหลัง

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ