16 เรื่องราวของคนดัง ที่ปฏิเสธเงินก้อนโตด้วยเหตุผลบางอย่าง

การเป็นคนดังระดับโลกสามารถทำเงินได้เป็นจำนวนมหาศาลจากงานที่พวกเขาได้รับ หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวก็ตาม แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขาได้รับข้อเสนอเป็นเงินมหาศาล และต้องตกลงเสนอไป เพราะอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธเงินจำนวนนี้

วันนี้เพชรมายาจึงอยากพาทุกท่านไปชมเรื่องราวของคนดังที่ยอมปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลด้วยเหตุผลบางอย่าง มาดูกันว่าจะมีใครที่ปฏิเสธเงินก้อนโตด้วยเหตุผลอะไรกันบ้าง

1. เลดี กากา กับงานแสดงให้กับพรรคการเมือง

ในปี 2012 เลดี กากา เคยถูกเชิญให้ไปแสดงในงานประชุมของพรรคริพับลิกัน เพื่อแลกกันเงินจำนวน 1 ล้านเหรียญ แต่เธอปฏิเสธ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเกี่ยวกับแนวคิดของเธอที่แสดงออกว่าเป็นเสรีนิยมอย่างชัดเจน

2. Gotye เจ้าของเพลงยอดวิวพันล้าน

ในปี 2011 ศิลปินนามว่า Gotye หรือ วอลลี เดอ แบกเกอ์ ได้ปล่อยเพลง Somebody That I Used to Know ที่โด่งดังอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันเพลงนี้มียอดวิวกว่า 1,620 ล้านวิว แต่เขาไม่เคยรับเงินจากโฆษณายูทูปที่หลายคนเชื่อว่าเขาอาจได้เงินกว่า 1.6 ล้านเหรียญ (~48 ล้านบาท) เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้เพลงของเขาเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์โฆษณาใด ๆ และไม่สนใจที่จะขายเพลงของเขา ซึ่งรวมไปถึงเพลงอื่น ๆ ของเขาอีกด้วย

3. การหวนคืนของวง ABBA ที่ไม่มีวันเป็นจริง

วงดนตรี ABBA ที่ถูกตั้งในปี 1972 และแยกวงกันในปี 1982 เคยโด่งดังอย่างมากในช่วงเวลานั้น ที่สามารถขายอัลบัมได้ถึง 150-380 ล้านแผ่นทั่วโลก เคยได้รับข้อเสนอในกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อออกทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2000 โดยแลกกับเงินจำนวน 1 พันล้านเหรียญ (~3 หมื่นล้านบาท) แต่พวกเขาคิดว่าควรปล่อยให้วงเป็นตำนานแบบนั้นจะดีกว่า นอกจากนั้นการออกทัวร์คอนเสิร์ตยังต้องใช้เวลาและเต็มไปด้วยความเครียด

4. เจอร์รี ไซน์ฟิลด์ นักแสดงผู้ปฏิเสธเงินพันล้าน

เจอร์รี ไซน์ฟิลด์ คือนักแสดงตลกที่โด่งดังสุด ๆ ในยุค 90 ในซิทคอม Seinfeld ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาเอง และมันประสบความสำเร็จอย่างมากที่ช่อง NBC จนได้กับการขนานนามว่าเป็นซิทคอมที่ดีที่สุดแห่งยุค จนทางช่องต้องการทำเพิ่มอีกซีซันและเสนอเงินให้กับเจอร์รีถึง 110 ล้านเหรีญ (~3,300 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการที่เขาต้องมารับบทนี้อีกครั้ง แต่เจอร์รีปฏิเสธและคิดว่าเขาได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างไปให้กับการแสดงนี้แล้ว และถึงเวลาที่เขาจะให้เวลากับตัวเองบ้าง

5. วิล ฟาร์เรล ปฏิเสธเงินก้อนโตในบทเอลฟ์อีกครั้ง

นักแสดงตลกที่โด่งดังอย่างมากตั้งแต่ยุค 90 จนกระทั่งปี 2000 และภาพยนตร์เรื่อง Elf (2003) กลายเป็นภาพยนตร์คริสต์มาสที่ดีที่สุดของใครหลาย ๆ คน โดยกวาดรายได้ไปกว่า 220 ล้านเหรียญโลก และผู้สร้างก็อยากที่จะทำภาค 2 แต่วิลกลับไม่เห็นด้วย และปฏิเสธเงินค่าตัว 29 ล้านเหรีญ (~870 ล้านบาท) เพราะคิดว่าภาค 2 จะไม่ได้ดีเท่ากับภาคแรก และเขาไม่อยากให้ผู้คนคิดว่าตัวเองทำเพื่อเงิน

6. คริสเตียน เบล จะได้เงินมากกว่าพันล้าน ถ้าเขารับทแบทแมนครั้งที่ 4

ภาพยนตร์ Dark Knight ไตรภาคประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และ คริสเตียน เบล ก็ได้รับเงินค่าตัวประมาณ 54 ล้านเหรียญ (~1,640 ล้านบาท) จากภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาค และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับข้อเสนอให้รับบทแบทแมนในภาคที่ 4 เพื่อแลกกับเงินที่สูงถึง 50 ล้านเหรียญ (~1,500 ล้านบาท) ที่เท่ากับเงินค่าตัว 3 เรื่องรวมกัน แต่เขาก็ปฏิเสธ ซึ่งตัวเขากับ คริสโตเฟอร์ โนแลน มองว่าควรจบเรื่องราวของแบทแมนเอาไว้แค่ 3 ภาคนี้จะดีกว่า

7. คีอานู รีฟส์ ไม่รับบทพระเอกใน Speed 2

ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Speed จะเป็นเรื่องทีแจ้งเกิดให้กับพระเอกสุดหล่ออย่าง คีอานู รีฟส์ ซึ่งรับทั้งเงินและรางวัลออสการ์ แต่เขากลับปฏิเสธที่จะเล่น Speed ภาค 2 พร้อมเงินค่าตัวอีก 12 ล้านเหรียญ (~360 ล้านบาท) เพราะไม่โอเคกับบทภาพยนตร์ และดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูกเพราะ Speed 2 ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบอย่างมาก

8. โจดี ฟอสเตอร์ ไม่อยากเล่นภาคต่อของ The Silence of the Lambs

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญระดับตำนาน แต่ โจดี ฟอสเตอร์ ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องนี้กลับปฏิเสธที่จะรับบทเดิมในภาค 2 ถึงแม้ว่าเธอจะถูกเสนอเงินค่าตัวที่สูงถึง 15 ล้านเหรียญ (~450 ล้านบาท) ซึ่งเธอกล่าวว่าตัวเธอชื่นชอบบทบาท FBI ฝึกหัดจากภาค 1 อย่างมาก แต่กับภาค 2 เธอกลับไม่หลงใหลในตัวละครที่เธอจะได้เล่นอีกแล้ว

9. ผู้สร้าง Breaking Bad ปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับ 3 ตอนที่เพิ่มเข้ามา

Breaking Bad คือซีรีย์ที่ได้รับรางวัลและคำชมอย่างมากมาย โดยมันมีจำนวนทั้งหมด 62 ตอน ซึ่งเป็นตัวเลขที่อ้างอิงมาจากหมายเลขอะตอมของธาตุซาแมเรียมที่ถูกใช้รักษาโรคมะเร็ง และตัวละครหลักของเรื่องนี้เป็นอาจารย์เคมีที่เป็นโรคมะเร็งปอด ดังนั้นตัวเลขนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

และถึงแม้ผู้สร้าง Breaking Bad จะได้รับข้อเสนอเป็นจำนวนเงินสูงถึง 75 ล้านเหรียญ (2,250 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการทำเพิ่ม 3 ตอนในซีซันสุดท้าย แต่พวกเขาก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลนี้ รวมไปถึงบทได้ถูกเขียนเอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้วจึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก

10. วง The Beatles ปฏิเสธการหวนคืนเวทีอีกครั้ง

The Beatles คือตำนานที่สุดในยุคของพวกเขา โดยวงถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1960 และแยกวงกันในปี 1970 ต่อมาในปี 1974 มีผู้เสนอเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญ เพื่อให้พวกเขากลับรวมตัวในคอนเสิร์ตเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ปฏิเสธไป หลังจากนั้นในปี 1976 The Beatles ถูกเพิ่มจำนวนเงินเป็น 30 ล้านเหรียญ และอีกหนึ่งเดือนต่อมาก็ถูกเพิ่มข้อเสนอเป็น 50 ล้านเหรียญ (~1,500 ล้านบาท)

The Beatles ปฏิเสธข้อเสนอนี้ แต่ไม่ใช่เพราะจำนวนเงินที่น้อยไป แต่พวกเขาไม่ชอบไอเดียการแสดงเปิดตัวที่ต้องมีการเล่นมวยปล้ำกับฉลามขาวและต้องกัดฉลาม พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะมารวมตัวกันอีกครั้ง

11. ฌอน คอนเนอรี อาจได้เงินมหาศาลถ้าเขารับบทแกนดาล์ฟ

ฌอน คอนเนอรี เป็นตัวเลือกแรกที่จะได้รับบทแกนดาล์ฟ ในภาพยนตร์ The Lord of the Rings แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ หรือแม้แต่อ่านบทที่ได้รับ เขาจึงไม่เข้าใจเรื่องราวจริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกับ เอียน แมคคัลเลน ผู้รับบทแกนดาล์ฟตอนเปิดตัวภาพยนตร์ก็ตาม

ฌอนถูกเสนอเงินค่าตัวจำนวน 6 ล้านเหรียญ (~180 ล้านบาท) ในแต่ละภาค และถูกเสนอเงินพิเศษอีก 15% จากผลกำไรในบ็อกซ์ออฟฟิศ ซึ่งถ้าฌอนรับบทแกนดาล์ฟ เขาอาจมีรายได้มากถึง 450 ล้านเหรียญ (~13,500 ล้านบาท)

12. แมตต์ เดมอน กับการพลาดบทบาทในเรื่อง Avatar

ภาพยนตร์เรื่อง Avatar เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Avengers: Endgame ซึ่งสิ่งที่ แมตต์ เดมอน พลาดก็คือ เขาเคยถูกเสนอให้มาเป็นนักแสดงนำของเรื่อง โดยแลกกับเงินจำนวน 10% จากกำไรของภาพยนตร์เรื่องนี้ และมันอาจเป็นเงินที่สูงถึง 278 ล้านเหรียญ (8,340 ล้านบาท) โดยเหตุผลที่เขาไม่ได้รับเล่นเรื่องนี้ก็เพราะเขาอาจมีปัญหากับ พอล กรีน กราส ผู้กำกับเรื่อง The Bourne Ultimatum ซึ่งเขาไม่ได้ลงรายละเอียดไปมากกว่านี้

13. ชาคีล โอนีล ผู้สูญเสียโอกาสจากการไม่ดื่มกาแฟ

ชาคีล โอนีล คือผู้เล่นบาสเก็ตบอล NBA ระดับตำนาน อีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยเขาลงทุนในบริษัทอย่าง Apple และ PepsiCo แต่สิ่งที่เขาผิดพลาดอย่างมากก็คือในปี 1993 หลังจากที่ โฮเวิร์ด ชูลตซ์ ตัวแทนของเขาแนะนำให้ลงทุนในบริษัทกาแฟอย่าง Starbucks แต่เป็นเพราะเขาไม่ดื่มกาแฟ และมีความเชื่อว่า “คนดำไม่ดื่มกาแฟ” ซึ่งการเปิดร้านกาแฟในชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกันจะไม่ได้ผล จึงทำให้เขาสูญเสียรายได้มหาศาลจากการเป็นหุ้นส่วนใน Starbucks

14. ฮัลค์ โฮแกน ผู้พลาดโอกาสจากเตาย่างบาร์บีคิว

ฮัลค์ โฮแกน คือนักมวยปล้ำระดับตำนานที่โด่งดังที่สุดในยุค 90 ในตอนนั้นมีบริษัทต่าง ๆ มากมายต้องการนำตัวเขาไปร่วมงานด้วย ครั้งหนึ่ง ฮัลค์ ได้รับการติดต่อให้มาเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องใช้ในครัว แต่เขาสามารถเลือกได้เพียงอย่างเดียวระหว่าง เตาย่างบาร์บีคิว หรือ เครื่องทำมีทบอล

ฮัลค์บอกว่า เขาเลือกเครื่องทำมีทบอลด้วยตัวเอง แต่ต่อมาเขาบอกว่ามันเป็นความจริง แต่นั่นก็สายไปแล้ว เพราะ จอร์จ โฟร์แมน นักมวยชื่อดังโด่งดังในยุคนั้น กลายเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเตาย่างบาร์บีคิว และสุดท้ายเป็น จอร์จ โฟร์แมน ที่ทำเงินไปกว่า 200 ล้านเหรียญ (~6 พันล้านบาท) จากยอดขายเตาย่าง

15. คิม คาร์ดาเชียน และ คานเย เวสต์ ที่ปฏิเสธเงินเพื่อแลกกับภาพถ่ายลูกสาวแรกเกิด

ในช่วงที่ คิม คาร์ดาเชียน ให้กำเนิดลูกสาว มีนิตยสารมากมายติดต่อมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอเป็นเงินก้อนโต เพื่อแลกกับรูปถ่ายของลูกสาวของทั้งคู่ตอนแรกเกิด มีนิตยสารฉบับหนึ่งจากออสเตรเลียเสนอเงินจำนวน 3 ล้านเหรียญ (~90 ล้านบาท) แต่ คานเย เวสต์ ไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขาออกสื่อใด ๆ ก็ตาม โดยก่อนหน้าที่ลูกสาวของเขาจะเกิด คานเยเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่ต้องการพูดถึงครอบครัวของเขา และลูกสาวเป็นของเขาไม่ใช่เป็นของอเมริกา

16. สมาชิกวงดนตรีที่ถูกเสนอเงินเพื่อแลกกับการโกนหนวดโกนเครา

ZZ คือวงร็อคอเมริกันที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1969 หลังจากนั้น 1 ปี สมาชิกของวง 2 คนคือ บิลลี กิบบอนส์ และ ดัสตี ฮิลล์ ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพวกเขาด้วยการไว้หนวดไว้เครา และนั่นกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงมาตลอด

ครั้งหนึ่ง บริษัทมีดโกนชื่อดังอย่าง ยิลเลตต์ เสนอเงินให้ทั้ง 2 คนคนละ 1 ล้านเหรียญ (~30 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการโกนหนวดเคราให้เกลี้ยง แต่พวกเขาปฏิเสธ ซึ่งดูเหมือนเงินจำนวนนี้อาจไม่พอสำหรับการทำลายสัญลักษณ์ของวงพวกเขา

ปิดท้ายด้วยสิ่งที่น่าสนใจก็คือวง ZZ มีมือกลองคือ Frank Beard ถึงแม้ Beard จะแปลว่า “เครา” แต่เขาเป็นคนเดียวในวงที่ไม่ไว้เครา

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ