ถ้าพูดถึงศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล หลายๆ คนต้องนึกถึงชื่อของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งตัวเขาเองเป็นบุคคลที่เป็นอัจฉริยะหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม กายวิภาคศาสตร์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่นักดนตรี แต่สิ่งที่ทำให้ดาวินชีมีชื่อเสียงมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นภาพวาดทรงคุณค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) หรือภาพ โมนา ลิซ่า (Mona Lisa) และวันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านไปชมความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพวาดชื่อดังต่างๆ มาลองดูว่าจะมีอะไรบ้าง
1. สิ่งที่ผิดพลาดในภาพวาด Salvator Mundi
ถ้าคุณลองมองภาพวาดของดาวินชีภาพนี้ให้ดี คุณจะเห็นลูกแก้วทรงกลมโปร่งใสในมือของพระเยซู แต่ดาวินชีผู้เรียนรู้ในศาสตร์ด้านออพติก (แสงและสายตา) ควรจะรู้ว่าภาพเบื้องหลังการมองผ่านลูกแก้วจริงๆ แล้วจะไม่ออกมาแบบนี้ ซึ่งตามหลักแล้วมันควรจะถูกขยายและไม่ชัดเจนเท่านี้
2. ความจริงที่น่าประหลาดใจในภาพ The Last Supper
นี่คือภาพที่ถ่ายทอดเหตุการณ์อาหารค่ำมื้อสุดท้าย ที่พระเยซูได้ร่วมโต๊ะกับสาวกทั้ง 12 คน ก่อนที่จะถูกตรึงไม้กางเขน ซึ่งดาวินชีได้วาดภาพนี้ในปี 1495 และใช้เวลาวาดถึง 3 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ว่าแต่มีอะไรที่เชื่อมโยงระหว่างพระเยซูและจูดาสในภาพวาดนี้ ? (จูดาสคือผู้ทรยศต่อพระเยซู โดยการบอกทหารประจำพระวิหารว่าใครคือพระเยซู จนส่งผลให้พระเยซูถูกจับ) มีเรื่องเล่าหนึ่งที่อ้างว่า บุคคลตัวจริงที่เป็นแบบให้กับพระเยซูและจูดาสในภาพนี้ คือคนๆ เดียวกัน
อ้างอิงจากเรื่องเล่า ดาวินชีได้พบกับชายที่เป็นต้นแบบพระเยซูซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกนักร้องประสานเสียงในโบสถ์แห่งหนึ่ง ต่อมาในขณะที่เขากำลังวาดภาพนี้จนเกือบเสร็จ ดาวินชีก็ยังไม่สามารถหาใครมาเป็นต้นแบบของจูดาสได้ จนกระทั่งเขาพบชายคนหนึ่งที่นอนเมาอยู่ในคูน้ำ จึงได้นำเขามาเป็นต้นแบบของจูดาส ต่อมาชายคนดังกล่าวสารภาพว่า เขาเองนี่แหละที่เป็นต้นแบบของพระเยซูในภาพวาดของดาวินชีเมื่อ 3 ปีก่อน
3. อีกหนึ่งความจริงที่น่าประหลาดใจใน The Last Supper
อีกหนึ่งรายละเอียดที่น่าสนใจก็คือ ขวดใส่เกลือที่พลิกคว่ำอยู่ข้างๆ ยูดาส สิ่งนี้สนับสนุนความเชื่อที่ว่าเกลือที่รั่วไหลนำไปสู่ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงวินาทีที่พระเยซูทรงตรัสว่า จะมีบุคคลหนึ่งในนี้ทรยศต่อพระองค์
4. ผลงานล่าสุดที่ถูกค้นพบคือ Portrait of Isabella d’Este
ภาพวาด Portrait of Isabella d’Este ที่สูญหายไปนานกว่า 500 ปี เพิ่งถูกค้นเมื่อไม่นานมานี้โดยเป็นของครอบครัวที่ไม่ระบุชื่อในสวิตเซอร์แลนด์ และนักวิทยาศาสตร์เองเชื่อว่ามันคือผลงานของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี ซึ่งจากการตรวจสอบเม็ดสีและไพรเมอร์ ที่พบว่าเป็นตัวเดียวกันกับที่ดาวินชีใช้ในงานศิลปะชื่อดังอย่าง โมนา ลิซ่า นอกจากนั้นก็คือรอยยิ้มที่เหมือนกันสุดๆ
5. เวอร์ชั่นที่แตกต่างกันของ Lady with an Ermine
ภาพวาด Lady with an Ermine ของดาวินชีในปี 1490 ถูกนำไปตรวจสอบด้วยเทคนิคการสแกนภาพแบบใหม่ และสิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจก็คือ มีภาพวาดนี้อย่างน้อย 2 ภาพ ถูกวาดบนผืนผ้าใบเดียวกัน ก่อนจะเป็นเวอร์ชั่นที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
โดยภาพวาดในเวอร์ชั่นแรกไม่มีตัวเออร์มิน ส่วนเวอร์ชั่นต่อมาก็เป็นสัตว์ชนิดอื่นที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
6. ภาพวาด โมนา ลิซ่า ของดาวินชี 2 ภาพ
ถึงแม้เราจะรู้ว่า มีศิลปินหลายคนพยายามวาดภาพ โมนา ลิซ่า เพื่อเลียนแบบมากมาย แต่มันอยากที่จะเชื่อว่าภาพเหมือน โมนา ลิซ่า อีกภาพ ที่ผู้วาดคือตัว ลีโอนาโด ดาวินชี เอง และมันไม่ใช่ตัวก๊อปปี้ด้วย โดยภาพนี้มีชื่อว่า Isleworth Mona Lisa ซึ่งโมนาลิซาในเวอร์ชั่นนี้ดูละอ่อนกว่าภาพของจริงมาก
บางคนก็คิดว่านี่อาจเป็นน้องสาวของ โมนา ลิซ่า แต่ทางมูลนิธิ โมนา ลิซ่า ได้ให้ข้อมูลว่า ดาวิชี อาจวาด โมนา ลิซ่า มาก่อนในสมัยที่เธอยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งนั่นก็คือภาพนี้ ส่วนการวาดครั้งที่ 2 ของเขา ก็คือภาพ โมนา ลิซ่า ที่มีชื่อเสียงก้องโลกในปัจจุบันนั่นเอง
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา