8 คำขอจากซุปตาร์ฮอลลีวูด ที่เปลี่ยนหนังที่พวกเขาแสดงไปอย่างสิ้นเชิง

สำหรับนักแสดงทั่วไปที่เพิ่งเข้าวงการส่วนมากมักจะทำตามบทที่ได้รับมาและไม่มีปากเสียงกับทีมงานมากนัก ในขณะที่นักแสดงชั้นนำนะดับซุปเปอร์สตาร์กลับมีสิทธิ์ร้องขอรวมทั้งอำนาจต่อรองเพื่อทำตามที่พวกเขาพึงพอใจ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนบทในภาพยนตร์ ตัวอย่างเช่น เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ในภาพยนตร์เรื่อง American History X ที่ขอให้เปลี่ยนเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ใหม่ จนทำให้ผู้กำกับถึงกับตัดชื่อเขาออกจากเครดิตท้ายเรื่อง

วันนี้เพชรมายาขอเสนอภาพยนตร์ที่เปลี่ยนบทบาทตามคำขอของนักแสดงนำจนทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

1. แอนเจลีนา โจลี เขียนตอนจบของภาพยนตร์ฮีโร่ Wanted ขึ้นมาใหม่

ตามจริงแล้วบทของเธอจะไม่เสียชีวิตในตอนท้ายเนื่องจากการปูทางไว้สำหรับทำภาคต่อ แต่แอนเจลีนาปฎิเสธและยืนยันว่าจะต้องจบชีวิตของตัวละครในตอนจบ ติมูร์ เบ็คมัมเบตอฟ ไม่อยากเสียแอนเจลีนาไปในภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากำกับจึงทำตามคำขอของเธอด้วยความยินยอม

2. ซามูเอล แอล. แจ็กสัน ปฎิเสธไม่รับงานถ้าชื่อเรื่องไม่เป็น Snakes on a Plane

ซามูแอลยินยอมรับบทสุดฮาในภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะเขาชอบชื่อเรื่อง Snakes on a Plane แต่หลังจากที่ทีมงานตัดสินใจจะเปลี่ยนชื่อหนังเป็น Pacific Air Flight 121 จึงทำให้ซามูเอลต้องยื่นคำขาดว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องใช้ชื่อเดิม ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ร่วมแสดง และนั่นทำให้ทีมงานไม่มีทางเลือกอื่น

3. Shrek มีการเปลี่ยนเสียงไปใช้สำเนียงสกอตแลนด์

ไมค์ ไมเยอร์ ผู้ให้เสียงตัวละครเชร็คมีความคิดที่น่าสนใจสำหรับตัวละครเอกที่ไม่ธรรมดาตัวนี้โดยหลังจากการให้เสียงของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เขากลับเห็นว่าเจ้ายักษ์ตัวเขียวสมควรใช้เสียงสำเนียงสกอตแลนด์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างเชร็คและตัวละครปกติในเรื่องที่ใช้สำเนียงอังกฤษ เพื่อทำตามคำขอ DreamWorks เสียเงินในการทำเสียงใหม่หมดทั้งเรื่องถึง 150 ล้านบาทโดยคิดเป็น 10% ของงบประมาณทั้งหมด

4. มิเชล โรดริเกรซ ต่อสู้อย่างหนักเพื่อบทตัวละครที่ซื่อสัตย์ของเธอ

ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมตามบทของ Fast & Furious ตัวละครเลทตี้ที่เธอแสดงจะต้องทรยศโดมินิก แต่มิเชลไม่ชอบใจกับบทบาทที่ได้รับ เธอจึงปฎิเสธและขอให้มีการเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ร่วมแสดงด้วย ในที่สุดทางทีมงานจึงยินยอมทำตามคำขอของเธอ จนกลายเป็นบทที่เราได้ชมกันในภาพยนตร์

5. เดนเซล วอชิงตัน ปฎิเสธแสดงบทรักโรแมนติกกับ จูเลีย โรเบิร์ต

นักแสดงเจ้าบทบาทอย่างเดนเซลมักมีปัญหากับการแสดงบทรักกับหญิงสาวผิวขาวหน้าตาดี มันจึงเป็นเหตุผลให้เขาร้องขอให้แยกเรื่องราวในหนังสือกับภาพยนตร์ The Pelican Brief ออกจากกัน ผู้กำกับตกลงในเรื่องนี้เพราะสัญญาของเดนเซลระบุไว้ชัดเจนว่าเขาจะไม่ยินยอมทำสิ่งใดที่ขัดกับความเชื่อของเขา

6. ทอม ครูซ อยากให้มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น

ในบทภาพยนตร์ดั้งเดิมของ The Mummy เวลาที่ทอมและมัมมี่ปรากฎตัวมีเวลาเฉลี่ยพอ ๆ กัน แต่ตัวทอมไม่เห็นด้วยเพราะเขาคิดว่าตัวเองเหมือนไม่ใช่นักแสดงหลัก เขาขอให้ผู้กำกับเพิ่มฉากที่เขาแสดงมากขึ้น หรืออีกทางเลือกก็คือไม่ต้องมีเขาอีก ผู้สร้างภาพยนตร์จึงยินยอมให้ทำตามคำขอของทอม แต่สุดท้าย ทอมกลับได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดแย่จากเรื่องนี้ไปครองแทน

7. คริสพิน โกลเวอร์ ไม่พอใจในบทของเขา จึงตัดสินใจที่จะไม่พูดตลอดทั้งเรื่อง

ในเรื่อง Charlie’s Angels ในปี 2000 บทแอนโทนีที่เขาแสดงเดิมทีไม่ได้เงียบอย่างที่ปรากฎสู่สายตาผู้ชม นั่นเป็นเพราะคริสพินไม่ชอบบทดั้งเดิมและปฎิเสธที่จะพูดคำใด ๆ ออกมาตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งผลที่ได้มันทำให้เขาเป็นที่จดจำในหมู่ผู้ชมเป็นอย่างดี

8. แดเนียล เดย์-ลูอิส อยากให้คนเรียกเขาว่าประธานาธิบดี

ในบางครั้งนักแสดงชั้นนำก็มักมีคำขอที่เปลี่ยนเรื่องราวของภาพยนตร์ชั้นดีให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่เหนือชั้นได้ ในระหว่างถ่ายทำเรื่อง Lincoln แดเนียลร้องขอให้ทีมงานทั้งหมดเรียกเขาว่าท่านประธานาธิบดีระหว่างถ่ายทำและปฎิเสธที่จะคุยกับคนที่พูดสำเนียงอังกฤษในกองถ่าย ผลที่ได้ทำให้เขาอินกับบทบาทตัวละครนำอย่างเยี่ยมยอดทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้า 2 รางวัลออสการ์มาครอง

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ