หลังจากที่ภาพยนต์ Hunger Games ภาคแรกถูกปล่อยออกมาในปี 2012 ก็กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่ว และนั่นทำให้นักแสดงหลายๆ คนเริ่มแจ้งเกิดในวงการฮอลลีวู้ดอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะนักแสดงอย่าง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน และนักแสดงหลายๆ คนก็กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนกระทั่งผ่านมาแล้วกว่า 5 ปี ทุกคนก็ยังโลดแล่นในวงการบันเทิงต่อไป ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านไปชมความแตกต่างระหว่าง 5 ปีผ่านไป ว่านักแสดงแต่ละคนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
1. เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ รับบทเป็น แคตนิส เอเวอร์ดีน
นางเอกของเรากลายเป็นซุปตาร์ฮอลลีวู้ดที่โด่งดังขึ้นมากจากภาพยนตร์เรื่องนี้ และมีโอกาสไดรับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิง จากภาพยนตร์เรื่อง Silver Lining Playbook (2012) จนกลายเป็นนักแสดงหญิงอายุน้อยที่สุดลำดับ 2 ที่สามารถคว้าออสการ์ไปครองได้ และยังเข้าชิงออสการ์อีกครั้งจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง American Hustle (2013) จนกระทั่งในปี 2015 เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงที่มีค่าตัวที่สุดในโลกเลยทีเดียว
2. อแมนดลา สเตนเบิร์ก รับบทเป็น รู
สาวน้อยผิวสีที่รับบทเป็นตัวแทนหญิงจากเขต 11 โตเป็นสาวขึ้นมาก หลังจาก Hunger Games ภาคแรกเธอก็ปรากฏตัวในภาพยนตร์สั้นอีกหลายเรื่อง และให้เสียงเป็น เบีย ในเรื่อง Rio 2 และยังรับบทเป็น สตาร์ คาร์เตอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Hate U Give อีกด้วย
3. วิลโลว์ ชิลด์ส รับบทเป็น พริมโรส เอเวอร์ดีน
น้องสาวของแคตนิสโตเป็นสาวสวยน่ารัก แต่หลังจากจบ Hunger Games ทั้ง 3 (+1) ภาคตั้งแต่ปี 2012-2015 เธอก็กลับมาอีกครั้งในบท ราเชล จากภาพยนตร์ผจญภัยแนวแฟนตาซีที่ชื่อ Into the Rainbow ในปี 2017 ที่ผ่านมา
4. เลียม เฮมสเวิร์ธ รับบทเป็น เกล ฮอว์ธอร์น
นักแสดงชาวออสซี่สุดหล่อ ที่เป็นน้องคนเล็กของครอบครัวเฮมสเวิร์ธ โด่งดังสุดๆ จาก Hunger Games จนกระทั่งมีผลงานเป็นนักแสดงนำตามมาหลายเรื่อง เช่น Paranoia (2013), The Dressmaker (2015) หรือที่รู้จักกันดีอย่าง Independence Day: Resurgence (2016) และคาดว่าจะกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Isn’t It Romantic and Killerman ในปี 2019
5. พอลลา มัลคอมสัน รับบทเป็น คุณนายเอเวอร์ดีน
นักแสดงมากความสามารถที่รับบทเป็นคุณแม่ของแคตนิสดูจะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาสักเท่าไหร่ เธอยังคงได้รับบทบาทในภาพยนตร์ We Have Always Lived in the Castle และทีวีซีรีย์เล็กๆ อย่าง Krypton
6. จอช ฮัตเชอร์สัน รับบทเป็น พีต้า เมลลาร์ก
หลังจากจบการถ่ายทำ Hunger Games ครบทุกภาค เขายังคงมีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2017 ที่ผ่านมา เขามีหนังสั้นระทึกขวัญเรื่อง Ape ที่เขาเป็นคนกำกับเอง รวมถึงหนังใหญ่อย่าง Tragedy Girls และ The Disaster Artist รวมถึงยังมีผลงานในทีวีซีรีย์อย่าง Future Man
7. อเล็กซานเดอร์ ลุดวิก รับบทเป็น คาโต้
พ่อหนุ่มกล้ามโตตัวแทนเขต 2 เป็นนักแสดงจากแคนาดาที่ยังมีผลงานในทีวีซีรีย์เรื่อง Vikings มาตั้งแต่ 2013 และยังมีผลงานในภาพยนตร์เรื่อง Peace ที่จะเข้าฉายในปี 2018 หรือ 2019
8. แจกเกอลีน อีเมอร์สัน รับบทเป็น ฟอกซ์เฟซ
สาวหน้าจิ้งจอกตัวแทนจากเขต 5 ที่มีไหวพริบเป็นเลิศ โดยหลังจากที่เธอรับบทฟอกซ์เฟซ แจกเกอลีน ก็มีผลงานภาพยนตร์ต่อมาอีก 2 เรื่องในปี 2014 คือ The Night is Ours และ The Curse of Downers Grove แต่หลังจากปี 2015 เป็นต้นมา เธอก็ยังไม่มีผลงานใดๆ ออกมาให้เห็นอีก
9. สแตนลีย์ ทุชชี รับบทเป็น ซีซาร์ ฟลิกเคอร์แมน
พิธีกรจอมกวนประสาทผู้นี้เป็นนักแสดงชาวอิตาลีที่มีผลงานในภาพยนตร์หลายเรื่องก่อนที่จะมารับบทฟลิกเคอร์แมนใน Hunger Games และก็ยังมีผลงานต่อเนื่องอีกมากมาย ซึ่งในปี 2017 เขารับบทเป็นเป็น เท็ด สเวนสัน ในภาพยนตร์เรื่อง Submission และในปี 2018 นี้เอง เขามีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำไปแล้วถึง 3 เรื่องคือ Show Dogs, Nomis และ Patient Zero
10. อิซาเบล ฟูห์รแมน รับบทเป็น โคลฟ
จริงๆ แล้วสาวน้อยคนนี้สร้างชื่อโด่งดังมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Orphan ในปี 2009 แต่ใน Hunger Games เอง เธอปรากฏตัวในภาคที่ 2 โดยรับบทเป็น โคลฟ สาวน้อยจอมโหดตัวแทนจากเขต 2 ที่เกือบฆ่าแคตนิสได้สำเร็จ ส่วนผลงานของเธอตอนนี้ เธอเตรียมที่จะมีผลงานในทีวีโชว์ Masters of Sex และยังมีภาพยนตร์อีก 3 เรื่องในปี 2018 นี้
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา