ใครที่เป็นแฟนหนังสยองขวัญ คงเคยรู้สึกอยู่บ้างว่า ทำไมพล็อตหนังหลายๆ เรื่องมันดูคล้ายๆ กัน การเดินเรื่องคล้ายๆ กัน ฉากหลายๆ ฉากก็คล้ายกัน การตัดสินใจของตัวละครก็คล้ายๆ กัน (งี่เง่าๆ) และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้หนังสยองขวัญเหล่านี้ดูน่าเบื่อเพราะใช้แต่มุกเดิมๆ ส่วนจะมีมุกอะไรบ้าง วันนี้เพชรมายาขอพาทุกท่านมาชมกัน และถ้าอ่านแล้วมีอะไรเพิ่มเติมอีก ก็สามารถคอมเมนท์บอกกันได้เลยครับ
1. แยกกันเพื่อ ?
ถ้าคุณต้องเจอกับคนร้ายโรคจิตที่กำลังตามคุณอยู่ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือการอยู่ด้วยกันหรืออยู่กับคนให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสรอด แต่ในหนังสยองขวัญ ตัวละครเหล่านี้จะทำอะไรล่ะ ? วิ่งแยกกัน…. แยกกันเพื่อ..? สุดท้ายพวกคนเหล่านี้ก็มักจะถูกเก็บทีละคนสองคนทุกที
2. ผู้ใหญ่ไม่เคยฟังอะไรทั้งนั้น
ในหนังสยองขวัญส่วนใหญ่มักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นหรือเด็ก ซึ่งการที่จะหวังความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะจะไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเชื่อในสิ่งที่เด็กเล่า เกี่ยวกับสิ่งน่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
3. ความโหดที่ไม่สมดุล
ตัวร้ายในเรื่องมักจะมีความสามารถในการสังหารเหยื่อที่เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพสุดๆ และพวกนี้สังหารผู้คนได้ราวกับตบแมลงวัน แต่เมื่อตัวร้ายเหล่านี้ได้มาเจอกับตัวเอง พวกมันก็จะดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จากการเชือดคนอื่นได้รัวๆ ราวกับผักปลา แต่พอเจอตัวเอกแล้วดูเหมือนพลังความโหดจะลดลงไปเสียดื้อๆ
4. รถสตาร์ทไม่เคยติด
เมื่อตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเขามักจะตัดสินใจหลบหนีขึ้นรถ และทุกครั้งที่ตัวละครเหล่านี้ขึ้นรถ ไม่มีทางที่รถพวกนี้จะสตาร์ทติดในทีแรก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถใหม่ที่วิ่งได้อย่างดีทั้งเรื่อง และเพิ่งดับเครื่องไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก็ตาม
5. วิ่งหนีบนถนนในขณะที่ถูกขับรถไล่
มันดูราวกับเป็นหนังตลกเวลาที่ตัวละครต้องวิ่งหนีจากคนร้ายที่กำลังขับรถวิ่งไล่คุณอยู่ คำถามคือ มีเวลามากมายที่ตัวละครเหล่านี้สามารถวิ่งหนีไปทางอื่นได้ แต่พวกเขาส่วนใหญ่มักเลือกที่จะวิ่งเป็นเส้นตรงไปบนถนน จนกระทั่งถูกชนในที่สุด
6. ความเร็วของตัวร้าย
ไม่สำคัญว่าตัวร้ายของเรื่องจะพิกลพิการหรือแม้แต่ไม่มีขา พวกมันจะเดินอย่างช้าๆ แทนการวิ่ง และไม่ว่าผู้คนจะวิ่งหนีพวกมันเร็วเท่าไหร่ก็ตาม ยังไงก็หนีไม่ทัน และเจอตัวร้ายพวกนี้โผล่มาจ๊ะเอ๋เสมอ
7. ฉากผีในกระจก
ดูเหมือนเป็นอะไรที่ซ้ำซากจำเจมากๆ สำหรับฉากที่ตัวละครกำลังส่องกระจก หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่มีกระจกในฉาก ให้เราจำไว้เลยว่า เดี๋ยวอีกสักพักผีหรือตัวร้ายจะต้องโผล่มาในกระจกแน่นอน
8. ที่ซ่อนไม่เคยได้ซ่อน
ไม่ว่าตัวละครของเราจะหาที่แอบได้แนบเนียนขนาดไหน แต่ก็มักจะมีเสียงอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องหลบหนีออกไปอยู่ดี มีฉากมากมายที่เรามักเห็นตัวละครแอบอยู่ใต้เตียงหรือในตู้เสื้อผ้า แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น
9. ห้องใต้ดินที่มืดมิด
ในหนังสยองหลายเรื่อง ตัวละครได้มีการซื้อบ้านหลังใหม่ และแน่นอนว่ามันต้องมีห้องใต้ดินที่ดูแล้วชวนสยอง และไม่ว่าจะเกิดเสียงอะไรขึ้นในนั้น ตัวละครก็มักจะต้องลงไปสำรวจ (โดยเฉพาะตอนอยู่ลำพัง) แล้วก็มักจะมีหลอดไฟริบหรี่ดวงหนึ่งแขวนอยู่ ซึ่งบางครั้งมันก็เปิดไม่ติดด้วยซ้ำไป
10. อยู่ยงคงกระพัน
ดูเหมือนว่าตัวร้ายจอมโหดในหลายเรื่องจะมีความอึดราวกับเป็นอมตะ พวกมันสามารถสังหารผู้คนได้ง่ายราวกับปอกกล้วย แถมไม่ว่าจะโดนอะไรก็มักจะลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง ถ้ามีใครสักคนทำมันล้มลงแล้วสลบไป อีกสักพักเดียวมันก็จะลุกขึ้นมาได้อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด
11. มือถือไม่ได้ช่วยอะไร
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้เขียนบทมักจะทำให้ตัวละครนึกได้ว่า “เฮ้ย กูมีมือถือนี่หว่า” (ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริง พวกเราจับมือถือกันแทบจะตลอดเวลา) และเมื่อถึงเวลาที่ต้องโทรขอความช่วยเหลือจริงๆ ก็มักจะไม่มีสัญญาณหรือไม่ก็แบตหมดไปซะอย่างงั้น
12. ทำกุญแจรถตกพื้น
ในขณะที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อขึ้นรถ เรามักจะเห็นฉากความลนลานของตัวละครที่ทำกุญแจตกอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่กำลังจะเปิดล็อคประตู ซึ่งมุกเดิมๆ แบบนี้มักจะทำให้ผู้ชมได้ตื่นเต้นลุ้นระทึกมากขึ้นไปอีก
13. เหลือคนสุดท้าย ต้องเป็นผู้หญิง
การใช้หญิงสาวเป็นตัวเอกของเรื่อง เป็นสิ่งที่หนังสยองขวัญส่วนใหญ่มักทำกัน เริ่มต้นเรื่องตัวเอกของเราก็อาจจะไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อน และจากนั้นแต่ละคนก็จะค่อยๆ ล้มหายกันไป และสุดท้ายจะเหลือตัวเองสาวของเราเพียงคนเดียว ซึ่งถือเป็นตัวละครที่ตัดสินใจได้ฉลาดที่สุด
14. คนผิวสีมักไปก่อนเพื่อนเสมอ
ในอดีตเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่มีหนังสยองขวัญเกิดขึ้น คนผิวสีมักจะเป็นเหยื่อคนแรกๆ เสมอ แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการพูดถึงเกี่ยวกับการเหยียดผิวในภาพยนตร์เกิดขึ้นบ่อยๆ จนทำให้ทางสตูดิโอเริ่มปรับเรื่องราวให้มีคนผิวสีเป็นตัวเอก
15. ขี้สงสัย แถมชอบสำรวจอะไรตอนมืดๆ
ถ้าเป็นคุณได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ตอนนอน คุณจะไปหาต้นตอของเสียงข้างนอกบ้าน ท่ามกลางความมืดมิดหรือไม่ แน่นอนว่าคุณไม่ทำ แต่ตัวละครในเรื่องดันทำ ผู้คนเหล่านี้ขี้สงสัยตลอดเวลา และอยากรู้ให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เพื่อนตัวเองอาจเพิ่งม่องเท่งไปเมื่อ 2-3 นาทีที่ผ่านมา
16. นักแม่นปืน
ทุกครั้งที่มีปืนปรากฏขึ้นในหนังสยองขวัญ ตัวละครที่ไม่เคยจับปืนยิงมาก่อนในชีวิต ก็สามารถยิงปืนได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริง ปืนไม่ได้ยิงกันให้แม่นได้ง่ายขนาดนั้น
17. ตำรวจมาตอนจบเสมอ
ถึงแม้เราจะพบว่า คนร้ายได้ออกมาโลดแล่นสังหารคนอย่างเมามันตลอดทั้งเรื่องในความยาว 1 ชั่วโมงเต็ม แต่สุดท้ายตำรวจก็มักจะโผล่มาตอนทุกอย่างคลี่คลายแล้วเสมอ ในหนังบางเรื่อง ตัวละครไม่คิดจะไปแจ้งตำรวจด้วยซ้ำไป แต่บางเรื่องเองตำรวจก็ไม่เชื่อ แถมไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทั้งๆ ที่คนร้ายโรคจิตสังหารคนรัวๆ ถ้าเป็นชีวิตจริง ป่านนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งไปแล้ว
18. แบบฉบับตัวละครเดิมๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นผู้คนที่แตกต่างกันในกลุ่มเดียวกัน แต่สำหรับในกลุ่มเพื่อนในหนังสยองขวัญ เราก็มักจะเห็นผู้คนรูปแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น หนุ่มฮอต สาวเฉิ่มเวอร์จิ้น เด็กเนิร์ด สาวบลอนด์สุดเซ็กซี่ คนผิวสี และคนปากดี
19. วิ่งหนีขึ้นไปหลบชั้น 2
เมื่อเจอกับผู้บุกรุกในบ้าน วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือคุณควรวิ่งออกไปนอกบ้าน ตะโกนของความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้มากที่สุด แต่ตัวละครส่วนใหญ่ เวลาที่วิ่งหนีจากห้องนั่งเล่นหรือห้องครัว พวกเขาชอบไปปิดประตูล็อคอยู่ในห้องนอนบนชั้น 2 บางคนก็คลานไปใต้เตียง บางคนก็แอบในตู้เสื้อผ้า หรือห้องน้ำ ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ ยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ มันช่างดูไร้เหตุผลสิ้นดี
20. ผีตุ้งแช่
หนังผีหลายๆ เรื่อง มักจะใช้วิธีทำให้คนดูตกใจด้วยการใช้วิธีให้ผีปรากฏมาเต็มจอพร้อมกับเสียงดัง ซึ่งหนังบางเรื่องก็ใช้จังหวะตุ้งแช่เหล่านี้บ่อยมาก บ่อยจนเอียน บางคนไม่ได้กลัวผี แต่ต้องมาตกใจเพราะอะไรแบบนี้ ยิ่งทำให้หนังผีที่มีจังหวะตุ้งแช่เยอะๆ กลายเป็นหนังราคาถูกไปเลยทีเดียว
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา