สำหรับแฟนๆ ที่ติดตามเพจวิจารณ์ภาพยนตร์ คงจะได้เห็นคำวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious 7 ของ 2 เพจดังได้แก่ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก และ หนังโปรดของข้าพเจ้า ที่ได้ให้คะแนนกับคำวิจารณ์ต่างกันสุดขั้วราวฟ้ากับเหว โดยเพจ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก นั้นให้คะแนนถึง 10/10 และอวยหนังเรื่องนี้แบบถ้าไม่ดูนี่คือคุณพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไปเลยแน่นอน แต่อีกมุมหนึ่งคือเพจ หนังโปรดของข้าพเจ้า ที่ให้คะแนนหนังเรื่องนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียง 1/10 แถมคำวิจารณ์แบบเสียหมา จนคนที่ลังเลกับหนังเรื่องนี้ถึงกับมึนกันเลยทีเดียว ไม่รู้จะเชื่อเพจไหนดี
เพจ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก กับคำชื่นชมแทบจะชิงออสการ์กันได้เลยทีเดียว
คะแนน 10/10
Furious 7 (10/10)
สุดตรีนนนนนน อวยไส้แตก มันส์ฉิบหาย วัวตายควายล้ม กราบอาเศียรวาท อัญชลี วันทา อภิวาท คุ้มค่า สมการรอคอย นี่คือ Fast & Furious ภาคที่ดีที่สุด สุดๆของสุดๆ มานั่งคิดว่าถ้าไม่มีดราม่าในเมืองไทยจะยังให้คะแนนเต็มแบบนี้มั้ย ก็บอกเลยว่า ถ้าไม่มีกระแสข่าวเสี่ย จ. ก็ยังเป็นหนังที่ปังและได้คะแนนรีวิวสูงอยู่ดี อาจจะให้สัก 98% งิ แต่พอมีดราม่าให้ลุ้นว่าจะได้ดูรึไม่อีก ก็ให้มาอีก 1% แล้วยิ่งมีดราม่าพอล วอล์คเกอร์ดารานำตายอีก ก็บวกไปอีก 1% คืนความสุขให้เลย 100% โอ้ย ฟินสาดดดดด
รีวิวเวบนอกบอกเนื้อเรื่องไม่มีไรมาก ล้างแค้นกันไป แก้แค้นกันมา แต่เอาจริงๆพอไปดูแล้วแม่ม หนังมันแฝงอะไรดีๆกว่านั้นเยอะ คนเขียนบทมันเก่ง จากที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันสามารถแทรกมุมมองชีวิต ปรัชญา จิกกัดการเมืองลงไปได้แนบเนียน ดูแล้วรู้สึกเลยนี่ไม่ใช่หนังแอคชั่นกากๆ เป็นแอคชั่นที่โคตรมันส์และได้สาระ ได้ความบันเทิงเต็มเปี่ยมเท่าที่หนังเรื่องนึงจะมอบให้กับเราได้
ตลอด 137 นาทีในโรงคือ 137 นาทีแห่งความสุขจริงๆ คือถ้าเสียตังค์ดูก็รู้สึกเลยว่าคุ้มค่า แนะนำให้เลือกโรงที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถหาดูได้ เอาระบบเสียงดีๆ จะ 3D, 4DX หรือ ไอแมกซ์3D จัดไปเหอะ ไม่เสียดายตังค์สักบาท เอฟเฟคทุกอย่างใส่มาเต็ม ไม่หวงเครื่อง ไม่หวงของ ให้มาแบบกรู orgasm ไปสามรอบ ยังไม่ฟินเท่านี้เลย ทั้งภาพ ทั้งเสียง คือแบบโอ้ย ยอม นี่เผลอๆ จะเป็น FF ภาคแรกที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาเอฟเฟคน่ะ มันปังจริงนะแกรรรรร๊!!
ต้องยอมอิผู้กำกับอะ หนุ่มมาเลย์คนนี้แม่มมีของจริงๆ กำกับแต่หนังผี พอมาทำหนังแอคชั่นในตำนานก็ทำได้สุดตรีน สุดติ่งจริงๆ ทุกอย่างที่ปรากฎในหนังสมศักดิ์ศรีคำว่า Fast & Furious แบบสมบูรณ์ คือมรึงอยากดูฉากขับรถเร็วไล่ล่ากันใช่มั้ย จัดมาเต็ม อยากดูฉากแอคชั่นต่อสู้มันส์ใช่มั้ย จัดหนัก อยากดูระเบิดตู้มตาม มาหมด มาหนัก มาเต็ม ปล่อยรถโดดร่มชูชีพ รถกระโดดทะลุตึก ตะลุยป่าเขา ซิ่งกันในเมืองใหญ่ แม่มมาหมดเลย
แล้วหนังพาเราไปแบบสุดติ่ง แอลเอ โดมินิกัน ญี่ปุ่น ดูไบ คือแบบ โอย กรูยอม ครบรส ลงทุนสาดๆ ทะเลยสวยๆในโดมินิกัน เมืองแสงสีในแอลเอ ไปจนถึงฉากในดูไบคือก็อู้ฟู่วอ้าฟ่า โอ่อ่าอลังการ เสื้อผ้าแฟชั่นแกลมๆจัดเต็ม สาวสวยเอ็กซ์ๆ นมโตๆ ก้นแน่นๆ นุ่งบิกินี่เดินไปมา คือได้ดูไอแมกซ์3Dนี่เต็มตา ทะลุจอออกมาเลย ยัย Nathalie Emmanuel ที่เล่นเป็นแรมซีย์นี่หามาจากไหน สวยมีเสน่ห์ หุ่นเอ็กซ์ได้ขนาดนี้ ฉากเดินขึ้นจากทะเล นึกว่าสาวบอนด์ อนาคตปังแน่ๆ
ทีนี้มาถึงคนที่คุณรอคอย พี่จา ของเรา(เหรอ?) ออกเยอะมั้ย เยอะนะ ไม่ง่อยอะ ผกกให้พี่แกมาโชว์ศักยภาพเต็มที่อยู่ บทพูดไม่เท่าไหร่ แต่คิวบู๊คือต้องยอมอะ ฉากสู้ประชันกับพี่พอลนี่มันส์จริงอะไรจริง คือตัดฉากพี่แกออกไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าเสี่ย จ. จะให้ตัดฉากพี่แกออก ฉากของพี่พอลก็จะโดนหั่นไปด้วย ซึ่งยอมไม่ได้แน่นอน การมีจา พนมในหนังเรื่องนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า “เรารักพี่พอลมากกก” พูดเลย 555! ไม่สปอยล์นะ ไปดูเอง
ความมันส์ความระห่ำ เอฟเฟคต่างๆคือความดีงามที่เราจะอาเศียรวาทไปนานแสนนานแล้ว ฉากที่อุทิศให้พี่พอล วอล์คเกอร์คือสิ่งที่ดีที่สุด หนังหาทางลงให้พี่พอลได้สมศักดิ์ศรี สมเกียรติยศเท่าที่นักแสดงชายดีๆคนนึงพึงจะได้รับ นักแสดงที่อยู่คู่กับหนังเรื่องนี้มาสิบกว่าปี มอบความสุขความประทับใจให้กับเรามานาน ผกกได้ทำหนังเรื่องสุดท้ายของพี่พอลออกมาได้สุดแสนประทับใจ บอกเลยว่าใครไม่เป็นติ่งดูแล้วน้ำตาซึม ส่วนคนที่เป็นติ่ง คือเตรียมทิชชู่เลยเหอะ ปล่อยโฮ ร้องไห้หนักมากกกจริงๆ ตอนเดินออกจากโรงนี่แบบ สาวๆตาแดงสูดขี้มูกกันฟึดฟัดหลายนาง ถ้าพี่พอลมองลงมาจากสวรรค์ ฮีต้องภูมิใจกับหนังเรื่องนี้มากๆ พูดเลย
มันเป็นหนังที่มีครบรสทุกอย่างที่อยากเจอ เกินความคาดหวังด้วยซ้ำ เอาจริงๆนะ ส่วนตัวแอบได้กล่ินความเป็นคริสโตเฟอร์ โนแลนของผกกคนนี้ มันมีอะไรหลายๆอย่างให้หวนนึกถึง The Dark Knight เบาๆ คืออนาคตของผกก James Wan นี่ไปไกลแน่ๆ หนังเรื่องนี้ แอคชั่น ดราม่า โรแมนติก ตลก และฉากซึ้งๆ คือดีงามไปหมด งดงาม ประทับใจ และจะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานเลยครับ
Admin เอิร์ท
เพจ หนังโปรดของข้าพเจ้า กับคำด่าเละเทะ แทบจะเรียกได้ว่า ไม่ควรจะออกมาทำเป็นหนังแผ่นด้วยซ้ำไป
คะแนน 1/10
ฉากที่ชอบมากที่สุดในหนังคือตอนเครดิตขึ้นเพราะจะได้ลุกจากโรงพาแฟนกลับบ้านสักทีหลังเสียเวลาดูหนังที่ไม่ชอบอยู่สองชั่วโมง เป็นการดูหนังที่น่าเบื่อที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตการดูหนัง ดูไปต้องส่ายหัวไปตลอดทั้งเรื่อง
== ด่า Furious 7 (2015) ==
บอกก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่ april fool งี่เง่า, ไม่ใช่แฟนเดนตายไล่ดู Fast ทุกภาค (เคยดูแค่ภาค 5 ตะลุยริโอซึ่งก็เฉย ๆ) แล้วก็ไม่ต้องมาด่าว่าเขียนสวนกระแส เพราะเพจนี้ด่าหนังที่ไม่ชอบเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ต่อให้ห่วยหรือไม่ถูกรสนิยมเรา แต่ถ้ามันมีมุมที่น่าสนใจเราก็เขียนชมและเชียร์ (ใครอยากดูว่าชอบ/ไม่ชอบเรื่องไหน คลิกดูคะแนนหนังที่ตรง cover เพจ)
ที่อยากบอกอย่างแรกเลยคือ ‘ทอม ครูซ’ เอ็งขายแฟรนไชส์ Mission Impossible ให้ Fast & Furious ไปเถอะ ในขณะที่ MI พยายามเค้นสมองใช้กึ๋นในการทำหนังภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้น่าเชื่อถือ พยายามลดความโม้ลงให้เรียลลิสติกจับต้องได้มากที่สุด แต่ Furious 7 มันโม้มาก ถ้าโม้แล้วสนุกเราก็ยังพอรับได้นะ แต่นี่โม้แบบไม่บันยะบันยัง คือแทนที่เราจะดูแล้วสนุกเรากลับต้องส่ายหัวให้มุกโม้ทุเรศเว่อร์ ๆ เข้าไว้ของหนัง ไม่ว่าจะเป็นขับรถข้ามตึก, รถกันกระสุนแม่งทุกอย่างในโลก, รถเหาะขึ้นไปเกี่ยวระเบิด, ส่งคนข้ามรถขณะดริฟท์ล้อหมุน, และอีกมากมายที่ขนมาโม้ได้สุด ๆ จนไม่เหลือความแปลกใจอะไรแล้ว เป็นการโม้ที่เราเวทนาหนังที่ไม่สามารถหาทางออกให้ตัดจบฉากได้นอกจากจะต้องโม้ให้ยิ่งขึ้น ๆ ไปอีก
เรามองว่า Fast มันมีมาต่อเนื่องได้ด้วยความเป็น iconic สำหรับผู้ชายหลายคน ด้วยรถแต่งสวย ๆ, สาวมาโชว์นมโชว์ตูดโดยไม่จำเป็นตลอดทั้งเรื่อง เหมือนเราบอกว่าหนัง chick flick คือตัวแทนความเพ้อฝันของสาว ๆ Fast ก็คือความเพ้อฝันของผู้ชายทั้งหลาย
แล้วเราจะบอกว่าหนังมันพยายามทำให้ตัวละครนำมีความเป็น ‘พระเอก’ โคตรๆๆๆๆ เป็นพระเอกในแบบที่เรารู้สึกรำคาญที่พวกเขาต้องมาคอยพ่นคำพูดเท่ ๆ ไร้สาระ พร้อมกับการกระทำที่บ่งบอกถึงความเป็นพระเอกไม่ต่างอะไรจากการดูละครไทยของฉลอง ภักดีวิจิตร (อันนี้พูดด้วยความเคารพอาหลองนะ ผมนี่แฟนระย้า, อังกอร์) อย่างเช่นจะโดดออกจากตึกก็ต้องเป็นพระเอกช่วยเหลือหญิงสาวให้รอดด้วย
ที่รำคาญมาก ๆ คือความซ้ำซากอันเกิดจากความเป็นพระเอกของคนกลุ่มนี้คือหนังก็ไม่กล้าให้พระเอกตาย ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์คับขันแค่ไหนก็ต้องรอดด้วยมุก “มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้โผล่มาได้จังหวะตลอด” โผล่มาขายความเป็นพระเอกช่วยเหลือเพื่อน ยิ่งดูยิ่งต้องส่ายหัวกับมุกแบบนี้ที่ประเคนเข้ามาหลายครั้งมาก
แล้วเบื่อมากไอ้การที่พยายามขายความเป็นพระเอก นึกถึง Jack Reacher เลย เอ็งมีปืนไม่ยิงกัน มันไม่พระเอก ไม่ลูกผู้ชาย มันต้องต่อยกัน เอาเหล็กฟาดกัน พอมาเจอมุกแบบนี้ได้แต่ส่ายหัวให้กับความเป็นพระเอกมาดแมน
ตลอดการดู Furious 7 ของผมจึงเป็นการลุ้นว่าเมื่อไรเจสัน สเตแธมจะไล่ตื้บพวกมันให้หมดเพื่อจะได้จบ ๆ ไปสักที แล้วไอ้สรรพคุณที่โอ้อวดความสามารถสุดโหดของเจสัน สเตแธมนี่พังทลายในพริบตาเมื่อต้องสู้กับพระเอกที่ไม่รู้จะเก่งไปไหน ตอนเครดิตต้นเรื่องขึ้นเราอุตส่าห์ดีใจมากที่หนังขึ้นว่า and Jason Statham เพราะมันแสดงถึงการให้เกียรตินักแสดงรองที่สำคัญในเรื่อง แต่พอเข้าไปอยู่ในหนังจริง ๆ ก็ได้แต่นึกเสียดายว่าพี่เจสันไม่น่ามาเล่นหนังแบบนี้เลย แย่ยิ่งกว่าการไปปรากฎตัวใน Expendables กับบรรดา action star รุ่นดึกเสียอีก
พูดถึงฉากจบนี่จะบอกว่าหนังฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากการสูญเสียพอล วอล์คเกอร์ในโลกจริงมาสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้น้ำเน่าพรรณาอะไรน่ารำคาญมาก ถ้าสมมุติพอล วอล์คเกอร์ยังมีชีวิตอยู่ ไอ้ฉากนี้มันคงเป็นอะไรที่น่ารำคาญสุด ๆ สำหรับหลายคน แต่ด้วยความที่คนดูหลายคนอินกับกระแสการสูญเสียนักแสดงในแฟรนไชส์ที่ตัวเองโปรดปราน มันจึงกลายเป็นฉากที่รู้สึกร่วมเพราะเราแทนค่าโลกจริงเข้าไปในหนัง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่าการใช้ประโยชน์จากการสูญเสียนักแสดง (ซึ่งเขาก็ทำคงตั้งใจทำมาเพื่อเอาใจแฟนคลับ ไม่ใช่คนนอกแบบผมอยู่ละ)
บ่นมุมกล้องนิดนึงว่าเหมือนเด็กเห่อของเล่น การเคลื่อนกล้องให้พลิกหงายตามจังหวะคนล้มนี่มันเอามาจาก The Raid 2 ชัด ๆ เลย แล้วเป็นการเอามาที่แบบไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรเหมือนตอนดู The Raid 2 ที่ทำเอาทึ่งกับการกำกับภาพ ส่วนใน Furious 7 ยิ่งใช้บ่อยยิ่งรู้สึกเหมือนคนหัดกำกับฉากแอ็คชั่น
แล้วพี่จา พนมของผมนี่มีฉากนึงแค่พี่ถีบพอล วอล์คเกอร์นี่ก็ตกรถตายละ แต่พี่ดึงพอลเข้ามาต่อยในรถ ผมนี่จะบ้าตาย ที่สุดของความง่อยแล้ว ไอ้ฉากที่คาดหวังสุด ๆ ฉากนึงเลยก็คือตอนจบที่ไปเจอนักวิจารณ์ต่างประเทศอวยนักอวยหนาว่า จา vs. พอล ตอนท้ายสุดยอด กลับกลายเป็นแค่ฉากต่อสู้ที่ธรรมดาดาดดื่นเกลื่อนกลาดในหนังศิลปะการต่อสู้มือเปล่า martial art ทั่วไปมาก
เกือบลืมพูดถึงฉากโดรนไล่ล่ากลางเมือง ด้วยพล็อตอุปกรณ์สอดแนมสุดล้ำที่คล้าย Eagle Eye เวอชั่นไร้ที่มาที่ไปอยู่แล้วพอมาเจอฉากนี้นี่ทำเอาอึ้งไปเลย ทำฉากไล่ล่าไล่ยิงกันได้ห่วยแตกมาก อย่างว่าแหละ ในเมื่อเอาสุดยอดโดรนมายิงพวกพระเอกมันจะไปยิงโดนได้ไง ยังไงก็หลบได้ หลบแบบไม่ต้องสนใจว่าผู้บริสุทธิ์มันจะต้องตายกี่คน (ทีซูเปอร์แมนนี่ด่ากันจัง#แซวเล่นนะอย่าคิดมากกัน)
Director: James Wan
Genre: action, thriller
1/10
ส่วนเพชรมายาขอไม่วิจารณ์ และยังไม่ให้คะแนนอะไรทั้งนั้น ขอรอชมก่อนละกัน ส่วนใครที่ได้ไปชมแล้ว คิดเห็นกันอย่างไร คิดเหมือนหรือคิดต่างกับเพจไหนบ้าง ลองวิจารณ์กันดูครับ
ที่มา : หนังโปรดของข้าพเจ้า| อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก