เรื่องราวน่าเศร้าของสมาชิกคนสุดท้ายของชนเผ่าแอมะซอน ที่มีจุดจบอันโดดเดี่ยว

ป่าแอมะซอน ถือเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก และภายในป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ยังมีชนเผ่าอีกมากมายที่อาศัยอยู่ ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะพาทุกท่านไปชมเรื่องราวของชนเผ่าแห่งหนึ่งที่มีจุดจบอันน่าเศร้า และหนึ่งในชนเผ่านั้นได้รับฉายาว่าเป็น ‘ชายที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก’

ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1970 ชนเผ่าแอมะเซอนเล็ก ๆ ที่เป็นชาวทานารูเผ่าหนึ่งที่อาศัยกันอย่างโดดเดี่ยวในป่าแอมะซอน ในรัฐรอนโดเนียของบราซิล พวกเขามีปัญหากระทบกระทั่งกับบรรดาคนตัดไม้ ชาวนา และเจ้าของที่ดินที่พยายามขับไล่พวกเขาออกไปจากพื้นที่

เชื่อกันว่าชนเผ่านี้ส่วนใหญ่เสียชีวิตโดยฝีมือของเจ้าของฟาร์มที่ต้องการขยับขยายที่ดินของตัวเองในช่วงต้นทศวรรษ 1970 แม้ว่าที่ดินของชนเผ่าเหล่านี้ถือเป็นสิทธิของชนเผ่าและถูกถูกคุ้มครองโดยรัฐบาลบราซิลก็ตาม

ต่อมาในปี 1995 สมาชิกที่เหลืออีก 6 คนในเผ่าของเขาถูกวางยาเบื่อหนูที่นำไปใส่ในน้ำตาลโดยเจ้าของฟาร์มผิดกฎหมาย มีเพียงชายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น และนั่นทำให้เขาไม่เคยเชื่อใจใครอีกต่อไป

ในปี 1996 FUNAI หน่วยงานกิจการพื้นเมืองของบราซิล ทราบถึงความอยู่รอดของเขาและตัดสินใจที่จะปกป้องชายผู้นี้ เขาถูกตั้งชื่อว่า Man of the Hole หรือว่า ‘มนุษย์หลุม’ เนื่องจากเขามักจะขุดหลุมเอาไว้รอบ ๆ อาณาเขตของตนเอง

ไม่มีใครทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าเขาขุดหลุมไปเพื่ออะไร หลุมดังกล่าวมีลักษณะแคบและลึกมากกว่า 1.8 เมตร แต่เดิมเชื่อว่าถูกขุดเอาไว้ดักสัตว์ แต่บางคนเชื่อว่ามันอาจมีนัยสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับชนเผ่าของเขา

มนุษย์หลุมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตามลำพังในป่าแอมะซอน เขาสร้างกระท่อมฟางเพื่อเป็นที่พัก ล่าสัตว์ป่า เก็บผลไม้และน้ำผึ้ง รวมถึงปลูกข้าวโพดและมันสำมะหลัง รวมถึงการย้ายที่อยู่บ่อยครั้งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

FUNAI คอยเฝ้าดูมนุษย์หลุมอยู่ห่าง ๆ รวมถึงการสร้างพื้นที่รั้วกั้นให้ทุกคนทราบว่า อาณาเขตดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้องห้าม พวกเขากำหนดพื้นที่แห่งนี้ว่า “เขตป่าสงวนทานารู” ที่มีอาณาเขตกว่า 5 หมื่นไร่ เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบโดยไม่มีใครรบกวน ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับเจ้าของที่ดินโดยรอบอย่างมาก

มีรายงานว่าในเดือนพฤศจิกายนปี 2009 รั้วที่ FUNAI ติดตั้งไว้ได้รับความเสียหาย มีร่องรอยกระสุนปืนที่พยายามจู่โจมใส่มนุษย์หลุม ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อตัวเขาและเจ้าหน้าที่ของ FUNAI ที่พยายามปกป้องเขาเช่นกัน

ตลอดระยะเวลา 26 ปีที่ผ่านมา มนุษย์หลุมใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง FUNAI พบกระท่อมมากกว่า 50 หลังของเขากระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เคยมีความพยายามติดต่อโดยบุคคลภายนอกของ FUNAI แต่ก็ยากที่จะสร้างความเชื่อใจให้กับเขาได้

เรื่องราวของมนุษย์หลุมจบลงอย่างน่าเศร้า หลังจากที่มีการร่างที่ไร้วิญญาณของเขาในเปลญวนนอกกระท่อมฟางที่เขาสร้างขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่มีสัญญาณความรุนแรง ไม่มีร่องรอยการต่อสู้บริเวณรอบ ๆ มีเพียงขนนกแก้วมาคอว์ประดับอยู่เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเขาทราบดีว่าตนเองกำลังจะตาย และเตรียมพร้อมที่จะลาโลกนี้ไปอยู่แล้ว

คาดว่ามนุษย์หลุมผู้โดดเดี่ยวอาจเสียชีวิตไปแล้ว 40 ถึง 50 วันก่อนมีคนมาพบร่างของเขา และเขาน่าจะมีอายุราว 60 ปีในขณะที่เสียชีวิต

ประเด็นน่าสนใจหลังจากนี้คือ เขตป่าสงวนทานารูจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งตามปกติแล้วกฎหมายคุ้มครองพื้นที่ดังกล่าวจะถูกต่ออายุทุก ๆ 2-3 ปี หากมีการยืนยันว่ามีสมาชิกของชนเผ่าทานารูในพื้นที่ดังกล่าว

แต่ในเมื่อมนุษย์หลุมได้จากโลกนี้ไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวอาจถูกยกเลิกให้เป็นป่าสงวนก็เป็นได้ ในขณะที่กลุ่มสิทธิชนพื้นเมืองได้ออกมาเรียกร้องให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการคุ้มครองแบบถาวรโดยไม่มีการยกเลิกอีกต่อไป

ที่มา: allthatsinteresting | theguardian | wikipedia | BBC