การกินอาหารเหลือ กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่บนโลกออนไลน์มาได้พักใหญ่ จากสถิติมีการชี้ให้เห็นว่า 20% ของอาหารทั้งหมดในแต่ละปี ที่ถูกเสิร์ฟให้กับชาวอเมริกัน มีจุดจบคือลงไปกองอยู่ในถังขยะ และมันมีปริมาณเพียงพอที่จะเลี้ยงผู้คนได้มากถึง 2 พันล้านคนต่อปี สถิติที่น่าตกใจนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เสมอภาคและความไม่มีประสิทธิภาพของการจัดการอาหารบนโลกของเราอย่างมาก และหากมองย้อนกลับมาที่ตัวของเราเอง เราเคยคิดเกี่ยวกับการกินทิ้งกินขว้างมากน้อยแค่ไหน ?
แต่สำหรับดาราที่รู้จักคุ้นค่าของอาหารเป็นอย่างดี ต้องยกให้กับ คริส แพร็ตต์ เพราะเขาเคยสารภาพว่าตัวเองเคยรับประทานอาหารที่เหลือจากจานคนอื่นมาก่อนด้วยซ้ำไป
ในโพสต์ล่าสุดของแพร็ตต์ ได้กล่าวว่า “เมื่อ 20 ปีก่อน ผมเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหาร Bubba Gump Shrimp Company ทุกครั้งที่ผมกลับไปทานที่ร้านนี้ ผมต้องนึกไปถึงกุ้งที่เหลือจากจานคนอื่นเป็นพันๆ ตัว ที่ผมกินไประหว่างเดินกลับไปยังห้องครัว กรุณาทิปพนักงานเสิร์ฟของคุณ อย่างน้อยสัก 20% รวมถึงเหลือกุ้งไว้ให้ด้วย”
นี่คือข้อความที่เขาสารภาพลงบนอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา ซึ่งเพียงแค่วันเดียวก็มีคนมากดไลค์โพสต์นี้ของเขามากกว่า 2.1 ล้านไลค์ และกลายเป็นกระแสให้พูดถึงทั้งเรื่องของการกินของเหลือบนจานคนอื่น และการให้ทิปกับพนักงานเสิร์ฟอีกด้วย
ประเด็นแรกเรื่องพฤติกรรมการกินของเหลือจากจานคนอื่นเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ ? ชาวเน็ตต่างให้ความเห็นที่แตกต่างกัน แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ออกความเห็นจนทำให้หลายๆ คนที่มีพฤติกรรมนี้อยู่ เลิกกินของเหลือจากจานคนอื่นแน่นอน
เธอกล่าวว่า “ฉันเคยทำงานอยู่ที่ร้านนี้ มีชายแก่ใจดีมาที่นี่ทุกสัปดาห์ เขาสั่งหอยนางรมแต่เขาไม่เคยกินมันเลย แน่นอนว่าหอยที่เหลือก็ถูกนำไปทิ้งทั้งหมด”
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอถามเขาว่า “โจ ทำไมคุณถึงสั่งหอยนางรมทุกครั้งแต่ไม่เคยกินมันเลยล่ะ? คุณไม่ชอบมันหรือไง?”
ชายแก่ตอบว่า “โอ้ ผมชอบมาก แต่ผมมีปัญหาเกี่ยวกับฟันปลอม ผมเลยเคี้ยวอาหารไม่ค่อยไหว ผมชอบรสชาติของมัน ก็เลยแค่ดูดมันแล้วก็ปล่อยมันไว้ในจาน” หลังนั้นเธอก็ไม่เคยกินหอยนางรมอีกเลย
จากโพสต์นี้ทำให้ได้ข้อสรุปที่ว่า เราเองไม่สามารถรู้ได้เลยว่า อาหารที่เหลืออยู่บนจานของคนแปลกหน้า จะถูกนำไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรบ้าง
อีกประเด็นก็คือ “ทิป” ที่แพร็ตต์ได้กล่าวเอาไว้ โดยหลายคนอาจไม่รู้ว่า ธรรมเนียมการให้ทิปของชาวอเมริกันนั้นอาจจะแตกต่างจากชาวโลกอยู่สักหน่อย ในขณะเรามองว่า ทิปคือเงินพิเศษที่ลูกค้าเต็มใจจ่ายให้กับพนักงานเป็นเงินเท่าไหร่ก็ได้ ตามความเหมาะสมของบริการที่พวกเขาได้รับ แต่สำหรับทิปของชาวอเมริกันเหมือนเป็นการ “บังคับ” ว่าคุณต้องให้ และมักจะมีขั้นต่ำอยู่ที่ 15% ของค่าอาหาร
คิดง่ายๆ ก็คือ หากค่าอาหารของคุณราคา 1,000 บาท นอกจากจะมีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7-10% (ขึ้นอยู่กับรัฐ) หรือราวๆ 70-100 บาทแล้ว ก็จะต้องจ่ายค่าทิปอย่างน้อยอีก 150 บาท และถ้าหากคุณไม่จ่ายหรือจ่ายไม่ครบ ก็อาจโดนพนักงานเสิร์ฟทวงกันซึ่งๆ หน้าอีกด้วย
แน่นอนว่าชาวเน็ตที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันก็มองว่า เงิน 20% ที่แพร็ตต์บอกว่าควรทิปให้ มันเป็นเงินที่สูงมาก แถมยังเป็นการถูกบังคับจ่ายอีกต่างหาก ถึงแม้บริการจะห่วยแค่ไหนก็ตาม
แต่หากเปรียบเทียบกับร้านอาหารในไทย ก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียกเก็บค่า Serviec Charge ที่รวมมาอยู่ในบิลให้คุณต้องจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา