เชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบกันดีว่า เนื้อเรื่องของ “สโนไวท์ กับคนแคระทั้งเจ็ด” นั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ มีทฤษฎีจาก แมตต์ มอร์แกน แฟนดิสนีย์ท่านหนึ่ง ที่ได้ชมสโนไวท์ต้นฉบับของดิสนีย์ในปี 1937 แล้วรู้สึกว่าตอนจบของอนิเมชั่นเรื่องนี้ อาจไม่ได้ Happy Ending อย่างที่หลายๆ คนคิด เพราะสโนไวท์อาจไม่ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และเจ้าชายก็คือ “ยมทูต” นั่นเอง
ย้อนกลับไปชมเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้น เราจะเห็นว่าสโนไวท์ สาวน้อยวัย 14 ปี กำลังร้องเพลงอยู่ในปราสาทบริเวณบ่อน้ำ
แล้วจู่ๆ ก็มีเจ้าชายขี่ม้าขาวผ่านมาได้ยินเธอร้องเพลง เขาปีนข้ามกำแพงปราสาทเข้ามาเพื่อหาต้นตอของเสียงอันไพเราะนี้
เมื่อเจ้าชายมาพบสโนไวท์ เธอตกใจและวิ่งเข้าไปในปราสาท บางทีเธออาจจะรู้สึกเขินอาย หรือบางทีเธอกำลังวิ่งหนีจากอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้ “ยมทูต” ปรากฏตัวขึ้นเมื่อเธอเข้าใกล้บ่อน้ำมากจนเกินไป
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาหมาหยอกไก่ของเจ้าชาย ส่วนสโนไวท์จะเล่นหูเล่นตากับยมทูตงั้นหรือ ? ในฉากนี้เราจะเห็นว่าสโนไวท์ส่งนกพิราบบินไปหาเจ้าชาย ในอดีต นกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของหลายๆ ความหมาย หนึ่งในนั้นการปรากฏตัวของ “ทูตสวรรค์” ที่เป็นสัญลักษณ์ของ “การปลดปล่อยวิญญาณจากเขตแดนของโลก”
หลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปตามที่เราเคยอ่านในนิทาน สโนไวท์ต้องหนีเข้าป่าไปอยู่กับคนแคระทั้ง 7 จนวันหนึ่ง เธอกัดแอปเปิ้ลอาบยาพิษของราชินีใจร้ายเข้าไปจนล้มลงหมดสติ
คนแคระล้อมวงกันรอบตัวเธอ ในอนิเมชั่นมีข้อความที่ระบุว่า “ยังคงสวยงามแม้ในความตาย คนแคระไม่อาจตัดใจฝังเธอได้”
จากนั้นคนแคระก็นำร่างของเธอใส่ไว้ในโลงที่อยู่กลางป่า และนั่งล้อมวงอย่างเงียบๆ ไว้อาลัยให้กับเธอ
จากนั้นเจ้าชายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเข้ามาหาสโนไวท์ และจุมพิตเธอ
และแล้วความโศกเศร้าทั้งหมดก็มลายหายไป สโนไวท์ตื่นขึ้นมา … เอ๊ะ หรือไม่ได้ตื่น ? หรือวิญญาณของเธออาจออกจากร่าง เตรียมพร้อมเข้าสู่ชีวิตหลังความตาย ? จูบของเจ้าชายจะเป็นจูบของยมทูตหรือเปล่า ?
จากนั้นสโนไวท์ก็จูบลาคนแคระและบอกลาสัตว์ในป่า ก่อนที่จะขึ้นม้าไปกับเจ้าชาย แมตต์กล่าวว่า มันเหมือนกับโรสในภาพยนตร์เรื่อง Titanic ที่เธอเห็นทุกคนบนเรือไททานิคอีกครั้งหลังเธอจากโลกนี้ไปแล้ว
เจ้าชายพาเธอขี่ม้าออกไปจากป่า แมตต์กล่าวว่า นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่ไปกันแค่ 2 คน แต่ไม่ได้พาคนแคระไปด้วย เพราะพวกเขาอาจกำลังไปที่ไหนสักแห่งที่คนแคระไม่สามารถตามไปได้
ทั้งคู่หยุดที่เนินเขาเล็กๆ ตอนพระอาทิตย์ตกดิน และจู่ๆ เมฆก็ก่อตัวเป็นภาพปราสาทขึ้นบนท้องฟ้า
เมื่อเรามาชมฉากนี้ตอนเป็นผู้ใหญ่ มันดูเหมือนอุปมาอุปไมยว่าเป็น “อาณาจักรบนสรวงสวรรค์” และนั่นก็เป็นตอนจบของสโนไวท์ที่ขมขื่นกว่าที่หลายคนคิดไว้
นอกจากนั้น หากเรามองย้อนกลับไปดูถึงตัวเจ้าชาย ที่ไม่เคยถูกระบุเลยว่าชื่ออะไร เขาถูกเรียกแค่ว่า “The Prince” หรือ “เจ้าชาย” เท่านั้น แถมเขาปรากฏตัวมาแค่ 2 ครั้งเท่านั้นในเรื่อง รวมทั้งการจูบเด็กอายุ 14 โดยการบอกว่าเป็นความรัก มันก็อาจฟังดูน่าขนลุกไม่น้อย แต่ถ้าเขาไม่ใช่คนจริงๆ ล่ะ มันอาจฟังดูดีกว่า ถ้าเป็นการจูบของยมทูตเพื่อนำพาวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์
และนี่ก็เป็นทฤษฎีที่อาจฟังดูโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าดีกว่าในเวอร์ชั่นต้นฉบับของพี่น้องตระกูลกริมม์ ที่ตอนจบราชินีใจร้ายถูกเจ้าชายหลอกเชิญไปงานแต่งงาน แต่ปรากฏว่าเจ้าสาวในงานคือ “สโนไวท์” ที่กำลังกลายเป็นเจ้าหญิง และในงานแต่งงานราชินีใจร้ายก็ถูกสโนไวท์และเจ้าชายบังคับให้ใส่รองเท้าเหล็กที่ร้อนจนแดงเต้นรำไปเรื่อยๆ จนเธอหมดลมหายใจในที่สุด
ดังนั้นการที่สโนไวท์ถูกพาตัวขึ้นสวรรค์ไป อาจเป็นตอนจบที่ Happy Ending แล้วก็ได้
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : buzzfeed | เรียบเรียงโดย เพชรมายา