การทดลอง ถือเป็นข้อดีของวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้มนุษย์สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาได้อยู่เสมอ แต่บางครั้ง การทดลองของมนุษย์กลับ ทำลายความเป็นมนุษย์เสียเอง มาลองดูกันว่า การทดลองสุดสะเทือนใจที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มีอะไรกันบ้าง
1. การทดลอง “อัลเบิร์ตตัวน้อย” ของ จอห์น วัตสัน
ในปี 1920 นักจิตวิทยา จอห์น วัตสัน ได้ให้ทารกน้อยที่ชื่อว่า อัลเบิร์ต เล่นกับหนูตัวหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่อัลเบิร์ตสัมผัสหนู วัตสันก็จะปล่อยเสียงน่ากลัวออกมา ผลสุดท้าย หนูน้อยอัลเบิร์ตก็กลัวการสัมผัสกับหนู และที่เลวร้ายไปกว่านั้น หนูน้อยคนนี้ไม่เคยหนีจากความกลัวนี้ได้ และกลายเป็นคนกลัว สุนัข กระต่าย และสัตว์ทุกอย่างที่มีขนไปด้วย
2. การศึกษา “สัตว์ประหลาด” ของ เวนเดลล์ จอห์นสัน
นักจิตวิทยา เวนเดลล์ จอห์นสัน ได้รวบรวมเด็กกำพร้าจำนวน 22 คนมาใช้ในการทดลองของเขา เด็ก 11 คน ถูกพูดชมตลอดว่า เป็นคนที่พูดได้ดีเยี่ยมมากๆ ส่วนอีก 11 คน ถูกติเตียน วิจารณ์อย่างหนักในทุกความผิดพลาด สรุปแล้ว เด็กกลุ่มหลังกลายเป็นคนที่มีปัญหาในการพูด
3. การศึกษาโรคมาลาเรีย ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
กองทัพสหรัฐอเมริกาและกระทรวงการต่างประเทศ หวังว่าจะเข้าใจโรคไข้มาลาเรียได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้นักโทษในคุก มาทดสอบยาต้านมาลาเรีย แม้ผลของการศึกษาจะเป็นประโยชน์ แต่ในด้านจริยธรรมแล้วผิดเต็มๆ แน่นอน
4. การทดลองอุณหภูมิของนาซีเยอรมัน
ในขณะที่พวกนาซีทำการทดลองที่น่ากลัวกับมนุษย์มากมาย หนึ่งในการทดลองที่เลวร้ายที่สุดก็คือการทดสอบอุณหภูมิ ซึ่งพวกเขานำเหยื่อการทดลองไปแช่ในน้ำที่เย็นจัด แล้วถูกบังคับให้ขึ้นมาอาบน้ำร้อนจัดทันที การทดลองนี้ฆ่าคนไปมากกว่า 100 คน และไม่ได้ผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่เป็นประโยชน์เลย
5. การทดลองเชื่อฟังคำสั่งของ สแตนลีย์ มิลแกรม
ในปี 1961 สแตนลีย์ มิลแกรม เป็นศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเยล ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครว่าจะยอมทำร้ายผู้อื่นมากแค่ไหน เมื่อถูกผู้มีอำนาจกว่าสั่ง อาสาสมัครจะต้องตอบคำถามจากผู้วิจัย หากตอบผิดจะต้องกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าให้กับเหยื่ออีกคนหนึ่ง โดยเพิ่มระดับความแรงของกระแสไฟฟ้าไปเรื่อยๆ
ผลการทดลองพบว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ยอมทำร้ายคนอื่นเพียงเพื่อทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจเหนือกว่า (แต่การปล่อยไฟฟ้าเป็นการแสดง โดยที่ไม่บอกให้อาสาสมัครรู้มาก่อน ซึ่งผลเสียคือสภาพจิตใจของอาสาสมัครจะแย่ลงมากๆ)
6. การทดลองความสิ้นหวังของ มาร์ติน เซลิกแมน
นักจิตวิทยา มาร์ติน เซลิกแมน ทำการทดลองโดยการแบ่งสุนัขใส่กรงออกเป็น 3 กลุ่มจำนวนเท่าๆ กัน กลุ่ม 1 โดนไฟดูด แต่มันสามารถปิดได้เองที่แผงควบคุม กลุ่ม 2 โดนไฟดูดไปเรื่อยๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้ กลุ่ม 3 ไม่โดนไฟดูดเลย
หลังจากนั้น เขานำสุนัขทั้งหมดไปใส่กรงที่มีกระแสไฟฟ้า แต่สามารถหลบหนีได้โดยการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเตี้ยๆ กลุ่ม 1 สามารถปิดกระแสไฟฟ้าได้ กลุ่ม 3 รีบวิ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหนีไปทันที ส่วนกลุ่ม 2 ที่เคยโดนไฟช็อต ก็นอนร้องหงิงๆ ปล่อยให้ไฟช็อตอยู่แบบนั้น โดยการทดลองนี้ได้นำมาใช้ทดลองกับคนแต่เปลี่ยนจากกระแสไฟฟ้าเป็นเสียงดังแทน ซึ่งแง่คิดของการทดลองนี้คือ หากเราพบกับความสิ้นหวัง เรามักจะสิ้นหวังอยู่แบบนั้น แต่หากเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหา ก็จะสามารถหาทางออกได้ ดังนั้น อย่าจำนวนต่อความสิ้นหวังเด็ดขาด
7. การทดลองของแฮร์รี ฮาร์โลว
นักจิตวิทยาแฮร์รี ฮาร์โลว์ แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินได้ทำหุ่นแม่ลิงจำลองจากโครงลวดขึ้นมา 2 โครง โครงแรกมีผ้านุ่มๆ หุ้มเอาไว้ ส่วนอีกโครงไม่มีผ้าหุ้มแต่มีขวดนมอยู่ ฮาร์โลว์พบว่า ลูกลิงจะเกาะอยู่กับโครงลวดแม่ลิงที่มีผ้าหุ้ม และไปกินนมกับหุ่นที่ไม่มีผ้าหุ้ม จากนั้นก็กลับมาเกาะหุ่นโครงลวดที่มีผ้าหุ้มอีก นอกจากนั้นการทดลองยังพบว่า ลูกลิงที่ถูกจับแยกออกมาโดยไม่ให้แม่ของมันเลี้ยง จะมีปัญหาในด้านการปรับตัว และเข้ากับลูกลิงตัวอื่นๆ ที่มีแม่เลี้ยงไม่ได้
8. การทดลองสีตาของ เจน เอลเลียต
เจน เอลเลียต ไม่ใช่นักจิตวิทยาแต่อย่างใด แต่เธอเป็นคุณครู เจนได้แบ่งนักเรียนเกรด 3 ของเธอออกเป็น 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มที่มีตาสีฟ้า กับตาสีน้ำตาล กลุ่มเด็กตาสีฟ้าจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ในขณะที่กลุ่มตาสีน้ำตาลจะถูกส่งไปนั่งข้างหลังและถูกบอกว่าฉลาดน้อยกว่า การศึกษานี้ค่อนข้างจะถูกประนามอย่างมากว่าเป็นการเหยียดเผ่าพันธุ์และเลือกปฏิบัติ
9. การทดลองกับนักโทษของ ฟิลลิป ซิมบาร์โด
ฟิลลิป ซิมบาร์โด จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ขอให้อาสาสมัครเลือกได้ที่จะเป็นผู้คุมหรือนักโทษ หลังจากนั้น 6 วัน การทดลองของเขาต้องหยุดลง เพราะผู้คุมเริ่มทำตัวไม่เหมาะสม ส่วนนักโทษก็มีผลกระทบทางจิตใจ ร่างกาย และอารมณ์ก็อ่อนไหวมากขึ้น การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งแวดล้อมสามารถทำให้คนแย่ลงได้ในระยะเวลาอันสั้น
ที่มา : wittyfeed | เรียบเรียงโดย เพชรมายา