เรื่องดราม่าบนเวทีออสการ์ไม่ได้เกิดกับ วิล สมิธ เป็นครั้งแรก แต่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ซาชีน ลิตเติลฟีเธอร์ ที่ถูกโห่ไล่ลงจากเวทีออสการ์ และในอีก 50 ปีต่อมา เธอเพิ่งได้รับคำขอโทษจากผู้จัดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
1. ความวุ่นวายในงานออสการ์ปี 1973
บรรยากาศในงานออสการ์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น จนกระทั่งถึงช่วงพิธีมอบรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมซึ่ง มาร์ลอน แบรนโด เป็นผู้ชนะเลิศจากภาพยนตร์เรื่อง The Godfather
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาปฏิเสธที่จะมางานเพื่อรับรางวัลเนื่องจากปัญหาการบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับชาวอเมริกันอินเดียนโดยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ สิ่งที่มาร์ลอนทำก็คือการส่ง ซาชีน ลิตเติลฟีเธอร์ นักแสดงสาวชาวอเมริกันพื้นเมืองมาเป็นตัวแทน
ซาชีนขึ้นมาบนเวทีโดยเตรียม ‘สุนทรพจน์ที่ยาวมาก’ ของมาร์ลอนเอาไว้ แต่ทีมผู้ผลิตอนุญาตให้เธอพูดได้เพียงแค่ 60 วินาทีเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
ซาชีนบอกกับทุกคนในงานว่า “เขา (มาร์ลอน แบรนโด) เสียใจอย่างยิ่งที่ไม่าสามารถมารับรางวัลแห่งความกรุณานี้ได้ และสาเหตุของเรื่องนี้ก็คือการปฏิบัติต่อชาวอเมริกันอินเดียนโดยอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ และรวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่วูนเด็ดนี”
สิ้นสุดคำกล่าว มีทั้งเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือ แต่ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความอยุติธรรมที่เธอได้รับจนทำให้อาชีพการแสดงของเธอต้องสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันนั้น
2. การสังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี
วูนเด็ดนี เป็นพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนไพน์ริดจ์ ในเซาต์ดาโกตา โดยเป็นที่ตั้งของความขัดแย้งระหว่างชนพื้นเมืองอเมริกันและรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงกองทัพสหรัฐฯ และต่อมาก็คือ FBI
ย้อนกลับไปในปี 1890 โศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่กองทหารม้าที่ 7 ของสหรัฐอเมริกาได้เข้าประชิดกลุ่ม ‘มินิคอนจู ลาโกตา’ จากชนเผ่าซูเพื่อทำการปลดอาวุธ
ในระหว่างนั้นเอง ชนเผ่าหูหนวกคนหนึ่งลังเลที่จะทิ้งปืนไรเฟิลที่เขามีโดยอ้างว่าเขาซื้อมาด้วยราคาแพงมาก จังหวะนั้นเองที่ปืนของเขาเกิดลั่น จนทำให้กองทหารม้าของสหรัฐฯ เปิดฉากระดมยิงทันที
หลังเสียงปืนสิ้นสุดลง มีชาวพื้นเมืองเสียชีวิตไประหว่าง 150-300 คน และมากกว่าครึ่งเป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนฝ่ายทหารสูญเสียกำลังพลไป 25 คน และอีก 6 คนเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์นี้มีทหารจำนวน 20 นายที่ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุด หรือ Medal of Honor
3. การประท้วงก่อนงานออสการ์จะเริ่มขึ้น
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1973 สมาชิกของกลุ่มขวบวนการอเมริกันอินเดียน (AIM) จำนวน 200 คนได้เข้ายึดพื้นที่วูนเด็ดนีเป็นเวลานานถึง 71 วัน เพื่อประท้วงให้มีการเปิดการเจรจาสนธิสัญญาอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติต่อชนพื้นเมืองอเมริกันอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน แต่รัฐบาลสหรัฐตอบโต้ด้วยการปิดล้อมวูนเด็ดนี
ในช่วง 71 วันของการปิดล้อม เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางและสมาชิก AIM ได้มีการยิงปืนตอบโต้กันแทบทุกคืน มีการจับกุมและมีชาวอเมริกันพื้นเมืองเสียชีวิต 2 คน มีเจ้าหน้าที่รัฐถูกยิงเป็นอัมพาต ในที่สุดผู้นำของ AIM ได้ยอมจำนวนในวันที่ 8 พฤษภาคม หลังจากบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ
ซึ่งเหตุการณ์บนเวทีออสการ์ได้เกิดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม 1973 ระหว่างที่มีการปิดล้อมพื้นที่วูนเด็ดนีนั่นเอง
4. การถูกคุกคาม
ในงานวันนั้น ซาชีนกล่าวว่าเธอต้องออกจากเวทีพร้อมกับถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากนักแสดง จอห์น เวย์น นักแสดงชื่อดังที่หัวโบราณถูกควบคุมตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึง 6 คน
ซาชีนกล่าวว่าเขา “โกรธมาร์ลอนและโกรธเธอ” และต้องการดึงเธอลงจากเวทีด้วยตัวเอง ในขณะที่บางคนทำท่า ‘สับมีดโทมาฮอว์ก’ ล้อเลียนเธอซึ่งเป็นการดูหมิ่นชาวอเมริกันพื้นเมือง
ต่อมามีสื่อบางฉบับอ้างว่า ซาชีนไม่ใช่ชาวอเมริกันพื้นเมืองจริง ๆ แต่อยากขึ้นเวทีไปมีซีนเพื่ออนาคตทางการแสดงของเธอ รวมถึงมีข่าวลือว่าเธอเป็นกิ๊กของมาร์ลอน แบรนโด และการถูกขึ้นบัญชีดำจาก FBI เนื่องจากมองเธอว่าเป็นภัยคุกคาม
5. คำขอโทษจากออสการ์
เกือบ 50 ปีต่อมา เดวิด รูบิน อดีตประธานสถาบันแห่งศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ซึ่งเป็นผู้จัดงานออสการ์ ได้ส่งจดหมายของโทษอย่างเป็นทางการถึงซาชีน
“การถูกล่วงละเมิดที่คุณต้องอดทน… มันไม่สมเหตุสมผลและไม่ยุติธรรม” เขากล่าวในจดหมาย ซึ่งซาชีนได้นำมันออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา
“ผลกระทบทางอารมณ์ที่คุณต้องทนมันมาตลอดและอาชีพของคุณที่ต้องแลกมาในอุตสาหกรรมของเราไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ ความกล้าหาญที่คุณแสดงออกมาอย่างยาวนานไม่ได้รับการตอบรับ สำหรับทั้งหมดนี้เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และขอชื่นชมคุณจากใจจริงของเรา”
เดวิดกล่าวต่อไปว่า สุนทรพจน์ของซาชีนเป็นสิ่งทรงพลังที่คอยย้ำเตือนให้เราเคารพและให้ความสำคัญต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เขารับรองว่าออสการ์ในฐานะองค์กร จะทุ่มเทเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ให้มีความน่าเคารพและเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น และซาชีนเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ “คุณอยู่ในประวัติศาสตร์ของเรา ด้วยความเคารพตลอดไป”
6. เสียงตอบรับของซาชีน
“ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ได้ยินสิ่งนี้” ซาชีนในวัย 75 ปีกล่าว
“พวกเราชาวอินเดียนเป็นคนที่มีความอดทนสูง มันก็แค่ 50 ปีเท่านั้น!” เธอกล่าวติดตลก
จริงแล้วเธอร้องไห้นานหลายนาทีหลังจากได้อ่านจดหมายฉบับนี้ครั้งแรก ซึ่งมันผ่านไปนานกว่าครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
“ฉันรู้สึกว่า ควรรวมทุกคนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นเมือง คนผิวดำ คนเอเชีย หรือคนเม็กซิกันอเมริกัน” ซาชีนกล่าว “เป็นสายรุ้งที่เราควรมีส่วนร่วมในสร้างมันด้วยตนเอง”
ที่มา: boredpanda