บ้านเมืองเราก็พบเห็นคนพิลึกอยู่ได้ทุกวัน ถ้าพิลึกอยู่คนเดียวไม่รบกวนใคร คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าทำตัวพิลึกแล้วดันไปรบกวนเดือดร้อนชาวบ้านด้วยล่ะก็ แบบนี้ คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่
เหมือนกับเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ที่สมาชิกพันทิปหมายเลข 2388962 ได้พบกับบ้านประหลาดหลังหนึ่งในชุมชนพงษ์เพชรแจ้งวัฒนะ 14 เขตกรุงเทพมหานคร เอาถุงใส่ขี้หมามาแขวนหน้าบ้านหลายสิบถุง แล้วตอนเช้าจะออกมารดน้ำ ซึ่งพอรดน้ำปุ๊บเท่านั้นล่ะครับ สิ่งที่อยู่ในถุงก็ส่งกลิ่นหอมรัญจวนไปทั่ว และนี่คือภาพหน้าบ้านดังกล่าว
หลายคนในระแวกนั้นก็สงสัยว่า หน่วยงานรัฐก็เข้ามาตักเตือนก็แล้ว ส่งฟ้องศาลก็แล้ว ทหารมาก็โดนด่ากลับ แต่ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรได้ ซึ่งสมาชิกที่ชื่อว่า KARNT ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเอาไว้ ดังนี้
อ่านเจอในบทความนี้ (admincourt) ว่า แกเลี้ยงหมาไว้ประมาณ 11 ตัว และแขวนถุงแบบนี้ไว้ทั้งในและนอกรั้วบ้าน
คนแถวนั้นเคยร้องเรียนไปที่เขต และผู้อำนวยการเขตก็มาตรวจสอบ ก่อนสั่งให้เจ้าของบ้าน/เจ้าของถุงจัดการเอาไปทำลายให้เรียบร้อย (บทความบอกว่าตอนนั้นมีประมาณ 150 – 200 ถุง) แต่แกไม่ยอม และโต้แย้งไปที่กระทรวงสาธารณสุขว่าไม่ใช่ขี้หมา เป็น “เศษพืชผักหมักชีวภาพ”
“…กระทรวงสาธารณสุขก็เลยรีบส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ก็มีความเห็นตรงกับผู้อำนวยการเขตว่า ถุงพลาสติกเหล่านี้มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงมาก แต่สำหรับก้อนสีดำไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นขี้หมาหรือจุลินทรีย์หมัก…”
เจ้าของ “ถุงปริศนา” ก็เลยไปฟ้องศาลปกครอง (คดีหมายเลขแดงที่ อ. 378/2551) และศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง คือแปลว่า คำสั่งของ ผอ. เขตที่ให้เก็บถุงขี้หมาชีวภาพไปทำลายนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว
“…คู่ความสู้คดีกันอยู่พักหนึ่ง ผลปรากฏว่าศาลปกครองสูงสุดท่านก็ได้วินิจฉัยว่า เมื่อผู้อำนวยการเขตได้รับเรื่องร้องเรียน จึงได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ฟ้องคดีเลี้ยงสุนัข ไว้หลายตัว และบริเวณหน้าบ้านผู้ฟ้องคดีมีถุงพลาสติก ซึ่งภายในมีก้อนวัสดุสีดำบรรจุอยู่ทุกถุงและมีกลิ่นเหม็น และกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ฟ้องคดีเลี้ยงสุนัขไว้ประมาณ 11 ตัว และมีถุงพลาสติกแขวนไว้ตามต้นไม้และรั้วบ้าน ภายในบรรจุจุลินทรีย์ซึ่งมีการหมักโดยวิธีที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงเกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็นมาก
แม้ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของผู้อำนวยการเขตและกระทรวงสาธารณสุขจะมีผลไม่ตรงกันว่ามีสิ่งใดบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกที่ผู้ฟ้องคดีแขวนไว้ แต่ผลจากการตรวจสอบตรงกันในประเด็นที่ว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในถุงนั้น มีกลิ่นเหม็นมากและสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงและผู้สัญจรไปมา
อีกทั้งบ้านของผู้ฟ้องคดีก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น หรือสกปรก หรือน่าจะเป็นที่เพาะพันธุ์และพาหะนำโรค และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อันถือได้ว่าเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญตามกฎหมาย การที่ผู้อำนวยการเขตมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีแก้ไขและระงับเหตุรำคาญภายในระยะเวลาที่กำหนด จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษายกฟ้องของผู้ฟ้องคดี ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองว่า การออกคำสั่งของผู้อำนวยการเขตเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ชุมชน เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว…”
ดูจากหมายเลขคดี น่าจะเป็นปี 2551 (?) แปลว่าหลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษา เจ้าของบ้าน/เจ้าของถุงก็ยังคงดื้อแพ่งต่อมาอีกหลายปีมาก – -“
ตอนนี้สุขภาพของชาวบ้านย่ำแย่ หวังว่าจะมีคนเข้าไปจัดการดูแลปัญหานี้ต่อไป ขอเอาใจช่วยชุมชนด้วยครับ
ที่มา : pantip | admincourt