12 การค้นพบทางโบราณคดีในแต่ละประเทศ ที่พิสูจน์ว่าโลกนี้มีอะไรซ่อนอยู่อีกมากมาย

ถ้าหากตอนเด็กๆ คุณเคยฝันอยากจะเป็นนักล่าขุมทรัพย์ ที่จะออกตามหาหีบสมบัติที่ถูกฝังไว้ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ แต่ในชีวิตจริง สิ่งที่ใกล้เคียงกับความฝันเหล่านี้ที่สุดก็คือการเป็น ‘นักโบราณคดี’ และถึงแม้ว่าการขุดพบสมบัติจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่การค้นพบอะไรอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับประวัติศาสตร์มนุษย์เราไม่แพ้กัน อย่างเช่นการค้นพบทางโบราณคดีเหล่านี้

1. ศีรษะหินของชาวโอลเมค ประเทศเม็กซิโก

ชาวโอลเมค เป็นชุมชนโบราณที่อาศัยอยู่ระหว่างช่วง 3,500 ปี – 2,400 ปีก่อน ในแถบอเมริกากลาง นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ว่าอารยธรรมโบราณ ณ เวลานั้นสามารถแกะสลักศีรษะหินขนาดต่างๆ ที่มีขนาดหนัก 6-50 ตัน ได้อย่างไร พวกเขารู้แต่เพียงว่ามันเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นในโลกยุคโบราณ

2. ซากโบราณสถาน ประเทศสกอตแลนด์

โบราณสถานแห่งนี้เคยอยู่ในสมัยยุค 3,500 ปี จนถึง 400 ปีที่ผ่านมา โดยยังเห็นเป็นซากของบ้าน สถาปัตยกรรมต่างๆ และงานศิลปะที่ยังหลงเหลือให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

3. ถ้ำใต้น้ำซีโนเต้ ประเทศเม็กซิโก

นี่คือถ้ำในประเทศเม็กซิโก ที่เป็นหลุมลึกใต้น้ำโดยเกิดจากเพดานถ้ำหินปูนยุบลงไปจนเผยให้เห็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ลอยอยู่ด้านล่าง จนดูราวกับมีแม่น้ำอยู่อีกชั้นข้างใต้ ส่วนนักโบราณคดีได้ค้นพบอารยธรรมของชาวมายาโบราณมากมายในสถานที่แห่งนี้ รวมถึงการใช้ที่นี่สถานที่ในการบูชายัญอีกด้วย

4. โครงกระดูกลึกลับ ประเทศเนปาล

โครงกระดูกของชายหญิงและเด็กๆ รวม 27 คน ถูกพบในถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศเนปาล จากการตรวจสอบพบว่า กระดูกมีร่องรอยถูกเฉือนหลายแห่ง แสดงให้เห็นถึงการผ่านพิธีกรรมบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยมันมีอายุมากถึง 1,500 ปีมาแล้ว

5. เมืองเลปติส เมกนา ประเทศลิเบีย

นี่คือหนึ่งในเมืองโรมันที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพดีที่สุดที่เคยถูกสร้างเอาไว้ในรัชสมัยของจักรพรรดิออกัสตัส และจักรพรรดิแบริอุส จนถึงปัจจุบันนี้ เรายังสามารถเห็นความน่าอัศจรรย์ของเมืองนี้ได้ และนักโบราณคดีก็ยังค้นพบสิ่งใหม่ๆ ภายใต้ซากปรักหักพังนี้อยู่เสมอ

6. ปราสาทปาเลเก ประเทศเม็กซิโก

นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมายาที่ถูกยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1987 โดยคุณสามารถพบหอคอย 4 ชั้น ที่ไม่สามารถพบได้ในอารยธรรมมายาที่อื่น โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ชาวมายาใช้หอคอยแห่งนี้ส่องดูดวงอาทิตย์ตกในวันเหมายัน

7. ไม้เท้าในสุสานฟาโรห์ ในอียิปต์

ไม้เท้านี้ถูกพบในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน โดยตกแต่งด้วยรูปแกะสลักของเชลยชาวนูเบีย ซึ่งฟาโรห์จะใช้ไม้เท้านี้โดยหันด้านแกะสลักลงกับพื้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความอัปยศอดสูของชาวนูเบียเหล่านี้

8. โครงกระดูกของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในหุบเขาโอลดูไว ประเทศแทนซาเนีย

หลุยส์ ลีเคย์ นักมานุษยวิทยาผู้สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของมนุษย์ ค้นพบหลักฐานมากมายในบริเวณหุบเขาโอลดูไว ซึ่งเขาใช้เวลาในการขุดค้นมานานถึง 30 ปี จนสามารถค้นพบกระโหลกศีรษะของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ

9. สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ประเทศจีน

นี่คือการค้นพบทางโบราณคดีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยอาณาเขตของสุสานกินพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม. ประกอบไปด้วยกองทัพทหารดินเผา อาวุธ รถม้าและม้าศึก รวมกว่า 7,400 ชิ้น มีห้องบรรจุพระบรมศพอยู่จุดกึ่งกลางของสุสาน มีความสูง 15 เมตร มีขนาดพื้นที่และความใหญ่โตมโหฬารราวกับสนามฟุตบอล ใช้คนงานสร้างกว่า 720,000 คน เป็นระยะเวลา 38 ปี

10. ศิลาหินแห่งสเตนเนส ประเทศสกอตแลนด์

ศิลาหินขนาดใหญ่แห่งนี้มีตำนานบอกเล่ามากมายคล้ายกับสโตนเฮนจ์ แต่ก็ยังไม่มีใครที่มาของหินเหล่านี้ว่ามาจากไหนและทำไมมันถึงมาอยู่รวมกันที่นี่ แต่สมมติฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการถูกนำมาใช้ในพิธีบูชายัญของคนโบราณ

11. มัมมี่เอิตซี พรมแดนระหว่างออสเตรียและอิตาลี

นี่คือมัมมี่ธรรมชาติที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ของชายซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 5,300 ปีมาแล้ว ถูกพบโดยนักปีนเขาชาวเยอรมันสองคนในธารน้ำแข็งชนัลสตัล เอิตซีเป็นมัมมี่ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในยุโรป ซึ่งจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบ DNA พบว่า เอิตซีเป็นหนึ่งในจำนวนชาวบ้านจำนวน 4,000 คนที่อาศัยอยู่ในรัฐทีรอล ซึ่งมีถึง 19 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์น้ำแข็ง

12. กระดองกริปโทดอน ประเทศอาร์เจนตินา

โฮเซ อันโตนิโอ นีวาส ชาวบ้านในอาร์เจนตินาได้พบกับก้อนวัตถุประหลาด เดิมทีเขาคิดว่าเป็นไข่ไดโนเสาร์ แต่ปรากฏว่ามันคือกรดองของกริปโทดอนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งกริปโทดอนถือเป็นบรรพบุรุษของตัวอาร์มาดิลโล ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้มาหลายสิบล้านปีแล้ว แต่ตัวอย่างที่พบยังโตไม่เต็มที่ และมีอายุเพียง 10,000 ปีเท่านั้น

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ