14 เรื่องลวงโลกในอดีต ที่พิสูจน์ว่าผู้คนพร้อมจะเชื่อทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

บ่อยครั้งที่ผู้คนในอดีตมักจะเชื่อเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะเรื่องลึกลับซับซ้อนเหนือธรรมชาติ เนื่องความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้พัฒนาเหมือนกับในปัจจุบันนี้ และวันนี้เพชรมายาขอพาทุกท่านย้อนประวัติศาสตร์ไปชมเรื่องราวหลายเรื่อง ที่พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ผู้คนพร้อมที่จะเชื่อทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยินจริงๆ

1. แมรี่ ทอฟต์ คุณแม่กระต่าย, ปี ค.ศ. 1726

หญิงชาวอังกฤษจากมณฑลเซอร์รีย์ ในประเทศอังกฤษ อ้างว่าเธอคลอดลูกออกมาเป็นกระต่าย เรื่องนี้ศัลยแพทย์ท้องถิ่นได้เข้ามาตรวจสอบและส่งเรื่องต่อไปยังแพทย์คนอื่นๆ ที่ได้นำเรื่องนี้สงต่อไปยัง เซนต์อังเดร ศัลยแพทย์ของราชสำนักของกษัตริย์จอร์จที่ 1

เซนต์อังเดรได้ตรวจสอบเรื่องนี้และสรุปว่ามันคือเรื่องจริง แต่กษัตริย์ได้ส่ง ไซเรียคัส อาห์เลอร์ส ศัลแพทย์อีกคนซึ่งยังมีข้อกังขาอยู่ลงไปตรวจสอบ เรื่องนี้จึงกลายเป็นที่โจษจันจนแมรี่ถูกนำตัวเขามาตรวจสอบที่ลอนดอนเป็นเวลานาน และในที่สุดก็สรุปว่า เธอไม่เคยคลอดลูกเป็นกระต่าย เรื่องนี้ได้ทำลายวิชาชีพของแพทย์หลายคน เนื่องจากชาวบ้านต่างพากันเย้ยหยันพวกเขาในทีสาธารณะ

2. เกรทมูน, ปี ค.ศ. 1835

เกรทมูน เป็นบทความซีรีย์ 6 ตอนที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ในนิวยอร์กที่ชื่อ The Sun โดยในบทความได้กล่าวถึงกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในแหลมกู๊ดโฮป ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็นพื้นผิวบนดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน และยังค้นพบอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ แต่มีปีกคล้ายกับค้างคาวอาศัยอยู่ด้วย

เรื่องหลอกลวงนี้ถูกเปิดเผยในอีกหลายสัปดาห์ต่อมาหลังจากการตีพิมพ์ครั้งแรก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ The Sun ได้รับความนิยมน้อยลง เพราะผู้คนต่างหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเองมากกว่าที่ถูกหลอกจนเชื่อเป็นตุเป็นตะ

3. ยักษ์แห่งคาร์ดิฟฟ์, ปี ค.ศ. 1869

ยักษ์แห่งคาร์ดิฟฟ์ คือรูปปั้นที่สูงกว่า 10 ฟุต 4.5 นิ้ว โดยถูกอ้างว่าเป็นซากศพของมนุษย์โบราณของจริง คนงาน 2 คนจากคาร์ดิฟฟ์ ในรัฐนิวยอร์ก ได้พบร่างนี้ในขณะที่พวกเขากำลังขุดบ่อน้ำให้กับ วิลเลี่ยม เนเวลล์ ที่เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยเนเวลล์อ้างว่า มันคือร่างของชายชาวอินเดียนในอดีต เขานำร่างยักษ์นี้มาตั้งโชว์และเก็บค่าเข้าชมจากผู้คนมากมาย

ภายหลังจึงปรากฏว่าร่างมนุษย์โบราณนี้เป็นของเก๊ จอร์จ ฮัลล์ ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ได้ตัดสินใจที่จะสร้างรูปปั้นยักษ์ตัวนี้ขึ้นเพื่อล้อเลียนชาวคริสต์นิกายเมธอดิสต์ เกี่ยวกับ ปฐมกาล 6:4 ที่ระบุว่าครั้งหนึ่งเคยมียักษ์ออาศัยอยู่บนผืนพิภพ เขาจึงจ้างคนมาแกะสลักรูปปั้นยักษ์นี้ขึ้นโดยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และส่งไปให้กับเนเวลล์ที่เป็นญาติของเขา โดยมันถูกฝังไว้นานนับปี จนกระทั่งเนเวลล์ทำทีจ้างคนงานไปขุดบ่อน้ำนั่นเอง

4. มันฝรั่งยักษ์ แมกกี เมอร์ฟี, ปี ค.ศ. 1895

ตำนานเกี่ยวกับมันฝรั่งยักษ์ แมกกี เมอร์ฟี ถูกสร้างขึ้่นในเมืองเลิฟแลนด์ รัฐโคโลราโด โดยหัวหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง ที่ต้องการโปรโมทงานสตรีทแฟร์ที่กำลังจะมาถึง มันฝรั่งปลอมๆ นี้ถูกสร้างขึ้นจากไม้ที่ถูกแกะสลักและอ้างว่ามันถูกปลูกโดยชาวนาที่ชื่อ โจเซป สวอน แน่นอนว่าผู้คนเชื่อเรื่องหลอกลวงนี้ และมีผู้คนมากมายต่างขอให้ โจเซป สวอน แบ่งขาย แมกกี เมอร์ฟี ให้กับพวกเขา เพื่อที่จะนำไปปลูกมันฝรั่งยักษ์แบบนี้บ้าง

5. อ่างอาบน้ำลวงโลก, ปี ค.ศ. 1917

เฮนรี หลุยส์ เมนเค็น นักข่าวชาวอเมริกันได้ตีพิมพ์บทความที่มีชื่อว่า “วันครบรอบที่ถูกละเลย” โดยเขาได้พูดถึงเรื่องราวของอ่างอาบน้ำสมัยใหม่ ที่ถูกคิดค้นในเมืองซินนิเนติ รัฐโอไฮโอ เมื่อ 75 ปีก่อน ในบทความของเขา เฮนรีอ้างว่า อ่างอาบน้ำเคยเป็นเรื่องผิดกฏหมายในอเมริกา เพราะแพทย์ระบุว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ

แน่นอนว่าอ่างอาบน้ำสมัยใหม่ถูกคิดค้นขึ้นก่อนหน้านี้และไม่ใช่ในอเมริกาแต่อย่างใด (ในภาพด้านบนที่คุณเห็นมาจากพิพิธภัณฑ์ของไซปรัส) ซึ่งผู้คนต่างไม่รู้เรื่องนี้และเชื่อกันต่อมาอีกหลายสิบปี จนภายหลังถึงได้มีการพิสูจน์ว่า บทความของเฮนรีถูกแต่งขึ้นมาหลอกลวงผู้คนนั่นเอง

6. นางฟ้าคอตติงลีย์, ปี ค.ศ. 1917-1921

นางฟ้าคอตติงลีย์ เป็นผลงานภาพถ่ายระหว่างปี 1917 ถึง 1921 โดยเป็นภาพของเด็กหญิง 2 คน อายุ 10 และ 16 ปี กับกลุ่มนางฟ้า ภาพถ่ายชุดนี้ถูกทำขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ว่านางฟ้าและเอลฟ์มีอยู่จริง จนสร้างความสับสนวุ่นวายไปทั่ว

แม้แต่ อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ นักเขียนนิยายเรื่อง เชอร์ล็อก โฮมส์ ยังเชื่อว่าภาพถ่ายชุดนี้เป็นของจริงจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1930 และทำให้ภาพเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในศตวรรษที่ 20 ก่อนที่ภายหลัง 1 ในเด็กหญิงจะมาเฉลยว่า มันคือผลงานการถ่ายภาพในมหาวิทยาลัยของเธอเท่านั้น

7. ปลาเทราท์ขนยาว, ปี ค.ศ. 1929

นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกจับได้ใน ไอซ์แลนด์ แคนาดา และรัฐอาร์คันซอ มีทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า ปลาชนิดนี้มีขนยาวเนื่องจากมีการทำยาปลูกผมจำนวนมากรั่วไหลลงไปในแม่น้ำอาร์คันซอ นอกจากนั้นหนังสือพิมพ์ยังได้ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับชาวประมงที่จับปลาชนิดนี้ได้และนำขนมันมาถักเป็นรองเท้าสลิปเปอร์

ในความเป็นจริงแล้ว ขนที่เกิดขึ้นบนตัวปลาอาจเกิดขึ้นได้จากราน้ำ Saprolegnia ซึ่งจะส่งผลให้ปลาถูกปกคลุมไปด้วยขนสีขาวได้จริง ตามภาพที่ 2 ส่วนภาพแรกนั้นเป็นปลาเทราท์ที่ถูกสตัฟฟ์เอาไว้และนำขนกระต่ายมาติด โดยมันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเทศสกอตแลนด์

8. กระต่ายป่ามีเขา, ปี ค.ศ. 1932

ดักลาส เฮอร์ริก นายพรานผู้มีความสามารถในการสตัฟฟ์สัตว์จากไวโอมิง ได้เกิดไอเดียแปลกๆ โดยการนำเขากวางมาติดเข้ากับหัวกระต่ายป่า และบอกว่ามันคือ “แจ๊คคาโลป” สัตว์ในเทพนิยายที่มีร่างกายเป็นกระต่ายและมีเขาเหมือนกวาง

เรื่องนี้ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้คนจำนวนมากที่เชื่อ และนั่นทำให้ดักลาส ขายสัตว์สตัฟฟ์ของเขาได้นับพันชิ้น จนทางเมืองได้เริ่มวางจำหน่ายของที่ระลึกเป็น “ใบอนุญาตล่าแจ๊คคาโลป” ให้กับนักท่องเที่ยวที่คุณสามารถเห็นได้ในทุกวันนี้ โดยในใบอนุญาตระบุเอาไว้ว่า “ใช้ได้ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีสอง วันที่ 31 มิถุนายน และผู้ล่าต้องมี IQ มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 72 เท่านั้น”

9. ต้นสปาเกตตี, ปี ค.ศ. 1957

นี่อาจเป็นการหลอกลวงที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เพราะสำนักข่าว BBC ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่กำลังเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวสปาเก็ตตี้สดๆ เป็นเส้นจากต้นสปาเก็ตตี้ โดยข่าวนี้ถูกรายงานไปเพียง 3 นาที เมื่อวันที่ 1 เมษายน 1957

ชาวอังกฤษหลายคนไม่รู้ว่าสปาเก็ตตี้ทำมาจากอะไร และทำให้หลงเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ผู้คนมากมายโทรเข้ามาหา BBC เพื่อถามวิธีปลูกต้นสปาเก็ตตี้ แม้แต่ผู้อำนวยการทั่วไปของ BBC เอง ยังต้นไปค้นสารานุกรมถึงวิธีปลูกต้นสปาเก็ตตี้ว่าทำอย่างไร

10. เสียงแห่งวริลลอน, ปี ค.ศ. 1977

จากภาพด้านบน คุณจะเห็นเครื่องส่งสัญญาณแฮนนิงตัน ในประเทศอังกฤษ ที่มนุษย์ต่างดาวได้ขัดจังหวะการออกอากาศตอนเวลา 17.10 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน 1977 โดยในขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งกำลังรายงานข่าวอยู่ สัญญาณภาพก็เริ่มขาดๆ หายๆ และปรากฏอีกครั้งเป็นเสียงที่แนะนำตัวเองว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อ วริลลอน โดยมาจาก “สมาพันธ์ระหว่างกาแล็กซี่”

ในคลิปด้านบน วริลลอน ได้ออกมาเตือนโลกของเราว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย อาวุธทุกอย่างบนโลกต้องถูกกำจัดทิ้งไป และเราเหลือเวลาอันน้อยนิดเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่กันอย่างปกติสุข เรื่องนี้มีคนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถหาต้นตอของผู้กระทำผิดได้

11. ไดไฮโดรเจน มอนอกไซด์, ปี ค.ศ. 1990

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณถูกบอกให้อยู่ห่างจากน้ำที่มีส่วนประกอบของ “ไฮโดรเจนที่เป็นอันตราย” ? เรื่องนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับน้ำที่ประกอบด้วยสาร “ไดไฮโดรเจน มอนอกไซด์” ที่เป็นอันตราย โดยพวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่า การขาดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนได้ แต่ในความมเป็นจริงแล้ว มันเป็นแค่ชื่อทางวิทยาศาสตร์ชื่อหนึ่งของ “น้้ำ” ที่มีสูตรทางเคมีคือ H2O ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง

หลายปีต่อมาได้มีเว็บไซต์หลายแห่งออกมาเตือนถึงอันตรายของสารนี้ และ นาธาน ซอห์เนอร์ นักเรียนวัย 14 ปี ได้ทำแบบสำรวจกับเพื่อนร่วมชั้นจำนวน 50 คน และพบว่ามีนักเรียนมากถึง 43 คนที่ต้องการแบนสารนี้เพราะคิดว่ามันอันตราย และสุดท้าย ซอห์เนอร์ได้สรุปผลลงในรายงานของเขาที่ชื่อว่า “How Gullible Are We?” หรือ “เราโดนหลอกง่ายแค่ไหน?”

12. อาร์เคโอแรปเตอร์, ปี ค.ศ. 1999

อาร์เคโอแรปเตอร์ เป็นชื่อของฟอสซิลจากประเทศจีนที่ถูกนิตยสาร เนชันแนล จีโอกราฟฟิก ตีพิมพ์เมื่อปี 1999 โดยมีเนื้อหาระบุว่า ฟอสซิลดังกล่าวเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้าย ที่จะทำให้ทราบถึงการวิวัฒนาการจากไดโดนเสาร์มาสู่นกนั้นสมบูรณ์ครบถ้วน การค้นพบนี้ถูกตีพิมพ์เป็นข่าวใหญ่โดยสื่อหลายสำนัก

แต่ภายหลังปรากฏว่า ฟอสซิลดังกล่าวเป็นปลอมที่ถูกทำขึ้นมาจากไดโนเสาร์ 2 ชนิด โดยผลงานปลอมแปลงอันแยบยลนี้สามารถตบตายอดนักดึกดำบรรพ์วิทยาทั่วโลกได้เนื่องจากไดโนเสาร์ทั้งสองชนิดเพิ่งจะเป็นที่รู้จักหลังจากการค้นพบอาร์เคโอแรปเตอร์นั่นเอง

13. ดาวอังคารเต็มดวง, ปี ค.ศ. 2003

ข่าวลือนี้ถูกส่งต่อกันบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับการที่ดาวอังคารจะโคจรมาใกล้ชิดติดกับโลกเรา จนผู้คนสามารถเห็นดาวอังคารได้ใหญ่พอๆ กับพระจันทร์เต็มดวง แน่นอนว่าดาวสามารถโคจรมาใกล้โลกเราได้ แต่มันก็ยังมองเห็นบนฟ้าเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ เท่านั้น โดยจากภาพดังกล่าวคุณจะเห็นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้า ส่วนดาวอังคารจะเป็นแค่เพียงจุดเล็กๆ ทางด้านขวาเท่านั้นเอง

14. เด็กชายบนบอลลูน, ปี ค.ศ. 2009

นี่เป็นอีกหนึ่งความลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2009 ในเมืองฟอร์ท คอลลินส์ รัฐโคโลราโด โดยริชาร์ด และ มายูมิ ฮีเน 2 สามีภรรยาได้ปล่อยบอลลูนอัดแก๊สฮีเลียมที่มีลักษณะคล้ายกับจานบิน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และอ้างว่า ฟอลคอน ลูกชายของเขาติดอยู่ข้างในบอลลูนจานบินลำนั้น

เรื่องนี้กลายเป็นคดีใหญ่ จนทางกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปค้นหา และทางตำรวจท้องถิ่นได้ออกติดตามบอลลูนดังกล่าว ส่วนสื่อมวลชนก็รายงานว่า มีเด็กชายวัย 6 ขวบที่ติดอยู่บนบอลลูนบนความสูง 7,000 ฟุต และผู้คนต่างก็เชื่อข่าวลวงโลกนี้

ในความเป็นจริง ฟอลคอนซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้หลังคา พ่อแม่ของเด็กสร้างเรื่องนี้ขึ้นเพื่ออยากดังและหวังจะหาเงินจากเรื่องลวงโลกนี้ ทั้งคู่ถูกตัดสินทั้งจำทั้งปรับ และต้องเขียนคำขอโทษอย่างเป็นทางการถึงหน่วนงานต่างๆ ที่ต่างออกกันช่วยค้นหาลูกชายของพวกเขา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา