โตเกียว คือหนึ่งในเมืองที่มีผู้คนเดินทางไปเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และหากใครที่เคยไปเยือนที่โตเกียวแล้วคงทราบกันดีว่า ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างมันแพงมากขนาดไหน แต่คุณเคยคิดหรือไม่ว่า ถ้าต้องมาใช้ชีวิตทำงานอยู่ในโตเกียว คุณจำเป็นต้องมีเงินเดือนสักเท่าไหร่ ถึงจะอยู่ได้สบาย ๆ โดยไม่ขัดสน ? นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อย
เราได้พบข้อความน่าสนใจจากผู้ใช้งาน Instagram ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ mimii_room ระบุไว้ว่าเธออายุ 23 ปีอาศัยในห้องเช่าลำพังกลางกรุงโตเกียวเธอพิมพ์ข้อความบอกไว้ว่า คุณสามารถใช้ชีวิตในโตเกียวได้อย่างสบายถ้ามีเงิน 150,000 เยนหรือประมาณ 42,000 บาทต่อเดือน โดยเธอแยกย่อยเป็นรายการค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้:
ค่าเช่าห้อง: 80,524 เยน (ประมาณ 22,370 บาท)
ค่าไฟฟ้า: 2,500 เยน (ประมาณ 700 บาท)
ค่าแก๊ส: 2,000 เยน (ประมาณ 555 บาท)
ค่าน้ำ: 3,000 เยน (ประมาณ 830 บาท)
ค่าอินเตอร์เน็ต: 2,310 เยน (ประมาณ 640 บาท)
ค่าใช้โทรศัพท์: 2,000 เยน (ประมาณ 555 บาท)
ค่าอาหาร: 20,000 เยน (ประมาณ 5,500 บาท)
ค่าของใช้ทั่วไป: 4,000 เยน (ประมาณ 1,100 บาท)
ค่าเสริมสวย/เสื้อผ้า: 2,000 เยน (ประมาณ 555 บาท)
ค่าพบปะคนในสังคม: 1,500 เยน (ประมาณ 416 บาท)
ค่ายา: 500 เยน (ประมาณ 138 บาท)
ค่างานอดิเรก: 2,000 เยน (ประมาณ 555 บาท)
ค่าเดินทาง: 1,000 เยน (ประมาณ 277 บาท)
รวม: 123,334 เยน (ประมาณ 34,000 บาท)
และถ้าคุณมีรายได้ 150,000 เยน ก็จะมีเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกถึง 26,666 เยน (ประมาณ 7,400 บาท) แต่ในความเป็นจริง ชีวิตในโตเกียวมันจะง่ายดายอย่างที่บอกไว้จริงหรือเปล่า เรามาพิจารณากันทีละข้อดีกว่า
ในเรื่องที่พักแม้จะเป็นที่รู้กันว่าค่าที่พักในญี่ปุ่นแพงเพียงใดแต่มันก็ไม่ยากในการหาห้องที่ราคาน้อยกว่า 80,000 เยน (ประมาณ 22,200 บาท) ต่อเดือนในโตเกียว โดยตัว mimii_room ได้ระบุไว้ว่าห้องเธอมีขนาดเพียงแค่ 6 เสื่อทาทามิหรือประมาณ 10.9 ตารางเมตรและเมื่อติดตั้งที่นอนหรือที่เก็บของแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
ด้วยพื้นที่ห้องที่เล็กทำให้การใช้งานไฟฟ้าเพื่อความสว่างและการปรับอุณหภูมิไม่สิ้นเปลืองมากนัก สำหรับค่าใช้โทรศัพท์เธอเลือกใช้บริการที่มีค่าใช้จ่ายต่ำสุดและเลือกใช้งานการสื่อสารทางออนไลน์เฉพาะตอนที่อยู่ในห้องเท่านั้นเพื่อใช้งานไวไฟฟรีของตึก
20,000 เยนต่อเดือน (5,500 บาท) สำหรับค่าอาหารเป็นจำนวนเงินที่น้อยพอสมควรแต่ mimii_room มีเคล็ดลับโดยเลือกที่จะทำอาหารด้วยตัวเองให้มากที่สุด ในเวลาทำงานเธอเลือกรับประทานอาหารในร้านค้าของบริษัทที่ราคาถูกกว่าร้านอาหารทั่วไปในตอนกลางวันและเธอแทบไม่เคยซื้อน้ำจากร้านสะดวกซื้อ เครื่องหยอดเหรียญหรือร้านกาแฟเลย โดยเธอเลือกที่จะทำชาที่บ้านและใส่กระบอกเก็บความร้อนเพื่อนำไปดื่มที่ทำงาน
สำหรับเรื่องเสื้อผ้าและการเสริมสวย ตัวเธอเองก็เลือกที่จะไม่ซื้อของในส่วนนี้มากนักโดยเธอจะใช้เครื่องสำอางจนหมดเสียะก่อนถึงจะซื้อใหม่เท่านั้นและเลือกตัดผมสองครั้งต่อปี ต่อมาคือเรื่องการออกไปพบปะตามสังคม เงินเพียง 1,500 เยน (ประมาณ 416 บาท) น้อยมากในการเดทหรือสังสรรค์ แค่ข้าวหน้าเนื้อถูก ๆ หรือกาแฟในโตเกียวก็ราคา 500 เยนแล้ว (ประมาณ 138 บาท) ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือแทบไม่ออกไปข้างนอกกับคนอื่นหรือเลือกที่จะเดทหรือสังสรรค์ในสวนหรือแค่เพียงนั่งดูทีวีในห้อง
สำหรับค่างานอดิเรกเงินเพียง 2,000 เยนแทบไม่พอในการเลือกซื้อของบันเทิงใจเช่นเครื่องดนตรีหรือเกมออนไลน์ น่าตกใจที่ mimii_room บอกว่างานอดิเรกของเธอคือการออกไปดูคอนเสิร์ตที่ไม่ดังมากนักตามสถานที่ราคาถูกหรือบางครั้งสะสมเงินในแต่ละเดือนเพื่อใช้ในการชมศิลปินชื่อดังในครั้งเดียว
ในขณะที่คนญี่ปุ่นมีระบบประกันสุขภาพชั้นเลิศ แต่มันไม่ได้หมายความว่าค่ารักษาและค่ายาจะฟรี และเงินเพียง 500 เยนมันไม่พอกับการรักษาพยาบาลเป็นแน่
สุดท้ายกับค่าเดินทางโดยทั่วไปหลายบริษัทออกบัตรโดยสารให้อยู่แล้วถ้าคุณทำงานเต็มเวลาในญี่ปุ่น โดยบัตรโดยสารสามารถใช้งานได้หลายครั้งตามต้องการระหว่างบ้านของคุณกับที่ทำงานแม้ในวันหยุดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ก็ไม่แปลกอะไรถ้าคุณไปไหนมาไหนโดยใช้เส้นทางรถไฟเดียวกัน
mimii_room ยังบอกอีกว่าข้อมูลที่เธอให้เหมาะสำหรับคนที่คิดจะอยู่คนเดียวโดยจำนวนเงินที่เธอให้เป็นเพียงการอ้างอิงจากชีวิตเธอเท่านั้น
แต่ในโลกออนไลน์กลับกลายเป็นประเด็นว่า ชีวิตในกรุงโตเกียวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น โดยมีคอมเมนต์หนึ่งระบุว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรหรอกนะ แต่เงิน 2,000 เยนสำหรับงานอดิเรก เงิน 1,500 เยนสำหรับสังสรรค์ และ 2,000 เยน สำหรับเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง งั้นหรือ ? ฉันอยากจะร้องไห้จริง ๆ”
ส่วนชาวญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ก็มาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย เช่น
“คุณสามารถอยู่ได้แหละ แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะโอเคกับชีวิตตัวเองมากมายอะไร”
“ผมคิดว่าเธอกำลังสับสนระอย่างคำว่า อยู่ได้ กับ มีชีวิตอยู่”
“เธอทำยังไงไม่ให้ค่าไฟต่ำกว่า 2,500 เยนต่อเดือน ? ฉันแทบไม่ได้อยู่บ้าน และไม่ค่อยได้ใช้ฮีทเตอร์หรือแอร์เลย ยังโดนค่าไฟไปตั้ง 4,000 เยน”
เราไม่อาจตัดสินได้ว่า mimii_room มีความสุขกับชีวิตของเธอในแบบที่เป็นมากแค่ไหน เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า โตเกียวคือหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกก็ว่าได้ และถึงแม้คุณจะมีเงินเดือน 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน ก็ไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการสักเท่าไหร่
แต่สิ่งที่เธอสอนเราได้อย่างหนึ่งก็คือ การใช้ชีวิตด้วยความพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ถึงแม้มันจะน้อยนิด ก็อาจทำให้ชีวิตของเรามีความสุขได้ในแบบที่ไม่ต้องอ้างอิงความสุขของใคร
หากใครที่มีประสบการณ์อยู่อาศัยในกรุงโตเกียว ลองมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกันบ้างนะครับว่า เงิน 150,000 เยน หรือประมาณ 4 หมื่นกว่าบาทต่อเดือน มันพอที่จะอยู่ในนครหลวงของญี่ปุ่นได้หรือเปล่า
ที่มา : soranews24 | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ