หญิงสาวเผยด้านมืดในญี่ปุ่น ที่พิสูจน์ว่าประเทศนี้ไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่าง

ญี่ปุ่น เป็นประเทศในฝันของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการไปเยือนสักครั้งในชีวิต และหลายคนที่ได้ไปสัมผัสต่างก็ประทับใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน บ้านเมือง วัฒนธรรม ความเจริญ ธรรมชาติ แต่เช่นเดียวกับทุกประเทศในโลกที่พวกเขาไม่ได้มีแต่มุมที่สวยงามเสมอไป

แอชลีย์ นักศึกษาสาวต่างชาติที่ได้มีโอกาสมาอยู่ในโตเกียวสักระยะได้ออกมาเปิดเผยด้านมืดของญี่ปุ่นบางส่วนที่เธอได้พบบนบัญชี TikTok ที่ชื่อว่า Ashley in Japan ส่วนคุณจะเห็นด้วยกับเธอมากแค่ไหนลองไปชมกัน

1. ผู้คนแยกตัวจากสังคม

ชาวญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความเครียด ความล้มเหลว การโดนบูลลี่ ความกดดันทางสังคม และนั่นทำให้มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่อยากอยู่คนเดียว และกลายเป็นพฤติกรรมที่แยกตัวจากสังคมโดยสิ้นเชิง ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘ฮิคิโคโมริ’ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนราว 1.5 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในอนาคต

หลังจากเศรษฐกิจเฟื่องฟูในทศวรรษ 1980 เยาวชนจำนวนมากประสบปัญหาไม่บรรลุเป้าหมายเหมือนพ่อแม่ รู้สึกอับอายและเป็นภาระของสังคม พวกเขาปิดตัวเองจากโลกภายนอกเพื่อหลีกหนีปัญหาที่พวกเขาไม่อยากเจออีกต่อไป

2. ความเท่าเทียมแทบไม่เป็นที่พูดถึงในสังคมญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเช่นเดียวกับหลาย ๆ ประเทศ แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นมันอาจรุนแรงกว่า แม่ของฉันเคยทำงานที่นี่ เธอถูกบอกว่าให้มาทำงานเช้ากว่าคนอื่นเพื่อที่จะมาเสิร์ฟชาร้อนให้กับเพื่อนร่วมงานของเธอทุกเช้า เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงและเพิ่งมาทำงานใหม่ แต่ถ้าเป็นผู้ชายจะไม่ถูกใช้งานในเรื่องเหล่านี้

นอกจากนั้นยังมีเรื่องการล่วงละเมิดในขนส่งสาธารณะ ฉันเห็นผู้ชายที่น่าขนลุกเหล่านี้อยู่เสมอที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกอึดอัดในช่วงเวลาเร่งด่วน และเนื่องจากคนญี่ปุ่นมักจะสุภาพมาก พวกเธอไม่กล้าปริปากพูดเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น

3. ผู้สูงอายุที่โดดเดี่ยวและจากโลกนี้ไปอย่างลำพัง

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยประชากรสูงอายุที่มากขึ้นทุกปี และปัญหาด้านเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม ทั้ง 2 เรื่องนี้ทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า ‘โคโดคุชิ’ ที่หมายถึง ‘ความตายอย่างโดดเดี่ยว’ ซึ่งพวกเขามักจะเสียชีวิตภายในบ้านและไม่ถูกพบเจอเป็นเวลานาน

ปรากฎการณ์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นในทศวรรษ 1980 บ่อยครั้งที่พวกเขาไม่มีลูกหลานเนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง และนั่นจึงทำให้พวกเขาเสียชีวิตอยู่เพียงลำพังโดยไร้คนเหลียวแล

4. การเหยียดเชื้อชาติ

หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือตัวอย่างของ นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสลูกครึ่งไฮติ-ญี่ปุ่น ที่เคยขึ้นไปถึงมือหนึ่งของโลก ถึงแม้ว่าเธอจะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากมาย แต่ในยามที่เธอพ่ายแพ้ ก็มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ลุกลามไปถึงเชื้อชาติของเธอ

ในสังคมญี่ปุ่น ฮาฟฟุ (Half) เป็นคำที่ใช้เรียกลูกครึ่ง ในมุมหนึ่งมันเหมือนกับคำเรียกที่แฝงการดูถูกนิด ๆ พวกเขาเหล่านี้ถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่ชาวญี่ปุ่นไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน โดยเฉพาะฮาฟฟุที่เป็นลูกครึ่งผิวดำ ที่มักจะถูกอคติมากกว่าชนชาติอื่น ๆ

5. การทำงานหนักคือเรื่องปกติ

ถ้าคุณอยู่ญี่ปุ่น คุณจะเห็นมนุษย์เงินเดือนที่เดินทางไปทำงานหรือกลับจากที่ทำงานจำนวนมาก คุณอาจเห็นพวกเขาในสถานบันเทิงต่าง ๆ แต่อาจไม่รู้ว่ามนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ทำงานระหว่าง 12 ถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน นั่นเป็นเหตุผลที่คุณเห็นพวกเขานอนหลับบนรถไฟ บนม้านั่งหรือบนทางเท้า ในขณะที่การได้เป็นมนุษย์เงินเดือนจะถือว่าคุณมีความมั่นคงทางการเงินได้

มองผิวเผินอาจเป็นเรื่องการหาเลี้ยงครอบครัวตามปกติ แต่เมื่อมองลึกลงไปการทำงานหนักส่งผลต่อสุขภาพและความสัมพันธ์ในครอบครัว เด็ก ๆ บางคนแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ตัวเอง แต่สิ่งเดียวที่จะหาเลี้ยงครอบครัวได้คือการทำงานหนัก มันจึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา

แล้วคุณล่ะ เคยมีประสบการณ์ด้านมืดเกี่ยวกับญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง ลองมาแบ่งปันให้เราได้ทราบในคอมเมนต์ได้เลยครับ

ที่มา: boredpanda